ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนในวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 95.69 จุด หรือ 1.09% ปิดที่ 8,679.82 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.
โบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 49.6 จาก 49.8 ในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะอยู่ที่ระดับ 50 โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า
นักวิเคราะห์ในตลาดกล่าวว่า เดือนกันยายนมักเป็นเดือนที่ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นซบเซามากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนสถาบันมักจะชะลอการซื้อหุ้นก่อนที่จะรับทราบผลประกอบการช่วงกลางปีของบริษัทญี่ปุ่น
โบรกเกอร์บางรายกล่าวว่า ตลาดได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างญี่ปุ่นและจีน รวมทั้งข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยกล่าวว่า หากมีการคว่ำบาตรสินค้าญี่ปุ่นเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นด้วย
นักลงทุนจับตาดุการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพรุ่งนี้ โดยนักลงทุนบางกลุ่มคาดว่า อีซีบีจะประกาศโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อช่วยเหลือประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน รวมถึงสเปน
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง นำโดยหุ้นไดวา ซิเคียวริตีส์ ดิ่งลง 1.8% และหุ้นโนมูระ โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 1.5%
ส่วนหุ้นผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องไฟฟ้าเพื่อการส่งออก ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มนี้ ขณะที่หุ้นไพโอเนียร์ รูดลง 4.5% หุ้นโซนี่ ร่วงลง 3.0%