หุ้น AOT ราคาวิ่งขึ้น 2.85% มาอยู่ที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 128.72 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.24 น. โดยเปิดตลาดที่ 71.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 72.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 71.50 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 88 บาท จัดให้เป็น Top Pick ในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และกำลังได้รับประโยชน์จากอุปสงค์การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สถิติอัตราการเติบโตของ traffic ในรอบ 11M55 ยังคงแข็งแกร่งคือ ผู้โดยสาร +7.8% และ เครื่องบิน +8.6%
ตามกำหนดการแล้วสนามบินดอนเมืองจะมีการเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 1 ต.ค.55 โดยสายการบินต้นทุนต่ำ (LCC)สำหรับเที่ยวบินไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความคับคั่งที่สนามบินหลักคือสุวรรณภูมิ ล่าสุดทาง AOT ได้ประกาศผู้ได้รับสัมปทานอายุ 10 ปี ที่จะดำเนินการร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (1,100 ตรม.) และธุรกิจพาณิชย์ (2,700 ตรม.)ผู้ดำเนินการจะมีการจ่ายผลตอบแทน 15% ของรายได้รวมหรือผลตอบแทนขั้นต่ำ(MGP)แล้วแต่ว่าประเภทใดจะสูงกว่า
คิงเพาเวอร์(ปัจจุบันได้รับสัมปทานสำหรับการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีที่ กรุงเทพฯ, หาดใหญ่, เชียงใหม่ และภูเก็ต)เสนอผลตอบแทน MGP สูงสุด 63 ล้านบาทต่อเดือน(ปีละ 756 ล้านบาท)สำหรับการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ขณะที่ กลุ่มเดอะมอลล์ได้เสนอที่จะบริหารพื้นที่พาณิชย์ด้วยผลตอบแทนที่ 16.7 ล้านบาทต่อเดือน (ปีละ 200 ล้านบาท) ทั้งนี้จะมีการปรับขึ้นผลตอบแทนอีก 10% ต่อปีทั้งสองส่วน
สายการบินต้นทุนต่ำทั้งหมด 14 แห่งที่ดำเนินการในเขตกรุงเทพฯ กลุ่ม Air Asia (คาดว่าผู้โดยสารจะเป็น 10 ล้านคน ในปี 56, ส่วนครองตลาดที่ 80%) ก็จะเป็นสายการบินแรกที่จะดำเนินการที่ดอนเมืองเมื่อมีการเปิดให้บริการอีกครั้ง และสายการบินในส่วนที่เหลือก็จะตามมา เพราะมีโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดใจในอัตราพิเศษคือ การจอดเครื่องบิน ค่าเช่าสำนักงาน และการเช็คอินที่เคาน์เตอร์ เป็นส่วนลด 30/20/10% ในช่วงปี 56/57/58 ตามลำดับ
มีการนำปัจจัยเรื่องการเปิดสนามบินดอนเมืองอีกครั้งเข้าไว้ในประมาณการ นั่นคือ ได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำ แต่มีค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งต้นทุนการปรับปรุงและตกแต่งสนามบินดอนเมืองที่ 155 ล้านบาทซึ่งจะมีการบันทึกในปี 56 และกำไรสุทธิปี 56 จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็น 7 พันล้านบาท คือมีการชดเชยกันไป
แต่ได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มระหว่างปี 57-65 ในอัตรา 4-8% ต่อปี เนื่องจากไม่มีต้นทุนการปรับปรุงและตกแต่ง ได้ประโยชน์จากการเกิด economy of scale รวมทั้งอัตราการเติบโตของการเดินทาง (traffic)โดยความคับคั่งที่สนามบินสุวรรณภูมิได้คลี่คลายลง (หลังสายการบินบางส่วนย้ายมาดอนเมือง) รวมทั้งการปรับขึ้นของผลตอบแทนขั้นต่ำปีละ 10%