โบรกฯเชียร์"ซื้อ" BECL มีอัพไซด์จากยอดใช้ทางด่วนสูง-ได้สัมปทานใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 20, 2012 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)มองแนวโน้มเติบโตสูงจากปริมาณจราจรบนทางด่วนสูงขึ้นตามปริมาณรถยนต์ที่มียอดขายในประเทศปีนี้กว่า 1 ล้านคัน อีกทั้งปีหน้าจะมีการปรับขึ้นค่าทางด่วนมีผล ก.ย.56 และการได้รับสัมปทานเพิ่มเติมทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 30 ปี รวมทั้งได้รับประโยชน์การถือหุ้น บมจ.ซีเค พาวเวอร์ ที่บริหารโครงการน้ำงึม 2 ที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์เร็วๆนี้

ทั้งนี้ แนะนำให้"ทยอยลงทุน"หรือ"ซื้อสะสม"หุ้น BECL ที่เหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ถือว่าเป็นหุ้นปลอดภัย และยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลดีที่ระดับราว 5%

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กรุงศรีอยุธยา     ซื้อลงทุน              37.00
          บล.ดีบีเอสฯ           ซื้อ                36.00
          บล.บัวหลวง           ซื้อ                32.00
          บล.ฟิลลิป          ซื้อเก็งกำไร            31.25
          บล.ฟินันเซียไซรัส     ซื้อลงทุน              30.00(ปี 55), 33.00(ปี 56)

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะทยอยสะสมหุ้น BECL เมื่อราคาอ่อนตัว โดยเห็นว่า BECL เป็นหุ้น Top Pick กลุ่มขนส่ง และมีอัตรากำไรเติบโตสูงกว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดโดยรวม ภาพรวมปีนี้คาดว่าเติบโต 12% แต่ BECL เติบโตกว่า 20% ส่วนปี 56 คาดเติบโต 15% ขณะที่ภาพรวมเติบโต 10% โดยเดือน ก.ย.56 BECL จะได้ปรับขึ้นค่าผ่านทางอีก

BECL เป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลทุกปี โดยมีอัตราผลตอบแทน(yield) 5% และเมื่อรวมกับโครงการทางด่วนใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และโครงการน้ำงึม 2 ภายใต้ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (BECL ถือ 30%) ทำให้ valuation ในปีหน้เพิ่มมาเป็น 37 บาท จากปีนี้ 28.50 บาท

ทั้งนี้ กลุ่มขนส่งเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่สุด เพราะมองว่าจะมีอัตราการเติบโตในช่วง 2-3 ปี ได้แก่ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) และ BECL เนื่องจากมองเป็นธุรกิจผูกขาด และผู้บริดโภคยังต้องเดินทาง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ก็ยังต้องใช้ทางด่วน รถไฟฟ้า และภาวะตลาดหุ้นโลกผันผวน การลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้จึงปลอดภัย

ด้านนายอำนาจ โงสว่าง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า BECL ได้รับประโยชน์จากการได้รับสัมปทานเพิ่มเติมจากทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และในปีหน้าจะมีการปรับราคาค่าผ่านทาง ซึ่ง BECL จะยื่นให้กับทางการในเดือน มี.ค.56 คาดว่าจะมีผลในเดือน ก.ย. 56 ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้น 5 บาท แนวโน้มการเก็บค่าผ่านทางก็มากขึ้นจากการที่มีปริมาณรถเพิ่มขึ้น

ประกอบกับจะได้รับกำไรจากการนำหุ้นบมจ.ซีเค พาวเวอร์ เข้าตลาดหลักทนรัพย์ และยังรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการโครงการน้ำงึม 2

คาดว่ากำไรปกติ ปี 55 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านยาทซึ่งเป็นการรับรู้รายการพิเศษในไตรมาส 2 ส่วนปี 56 คาดว่ากำไรปกติ อยุ่ที่ 1.75 พันล้านบาท โดยคาดว่าในปี 55 จะจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่จ่าย 1.30 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุว่า จากการประเมินมูลค่าหุ้นจากส่วนขยายทางด่วนศรีรัช-วงแหวนพบว่าเป็น 4 บาทต่อหุ้น โดยอิงจากอายุสัมปทานที่ 30 ปี(เมื่อรวมกับระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี)ปริมาณของการใช้ทางด่วนเริ่มต้นเป็นประมาณ 88,000 คันต่อวัน อัตราค่าทางด่วนเป็น 50 บาทต่อเที่ยว และมีการปรับทุกๆ 5 ปี ต้นทุนในการลงทุนเป็น 25 พันล้านบาท แหล่งที่มาเงินทุนเป็นการออกหุ้นกู้ 15 พันล้านบาท และเงินกู้ธนาคาร 10 พันล้านบาท

เราได้มีการนำมูลค่าพื้นฐานที่เพิ่มจากส่วนขยายศรีรัชฯมารวมไว้ในราคาพื้นฐาน ราคาพื้นฐานใหม่จึงเป็น 36.00 บาท จากเดิมที่ 32.00 บาท เราชื่นชอบ BECL ในประเด็นเรื่องมีภาพการทำกำไรที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีเกราะป้องกันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เพราะพึ่งพิงตลาดภายในประเทศเป็นหลัก เราแนะนำ ซื้อ และเชื่อว่าจะมีการประเมินมูลค่าเพิ่มให้กับ BECL ในตลาดฯหลังจากมีการประชุมนักวิเค0ราะห์แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ