บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น(AAV)ผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ตั้งเป้ารายได้ปี 56-59 เติบโตปีละ 20-25% ตามจำนวนที่นั่งที่เพิ่มขึ้น 20% ต่อปี เป็นผลจากการเพิ่มจำนวนเครื่องบิน สำหรับไตรมาส 3/55 คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(load factor)จะอยู่ที่ราว 80% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในไตรมาส 4/55 อัตราส่วนดังกล่าวน่าจะสูงกว่า 80%
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าบริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในช่วงปี 56-59 บริษัทจะรับมอบเครื่องบินใหม่ 4-5 ลำต่อปี ทำให้จำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นปีละ 20% จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตปีละ 20-25% โดยในปี 59 สายการบินไทยแอร์เอเชียจะมีจำนวนเครื่องบิน 48 ลำ ปัจจุบันมี 25 ลำ และสิ้นปี 55 จะมีจำนวน 27 ลำ ทั้งหมดเป็นเครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 อายุเฉลี่ย 2 ปี 4 เดือน
นอกจากนี้ AAV จะมีการใช้กระแสเงินสดเพื่อวางดาวน์เครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 ประมาณ 15-20% หรือจำนวนกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 56-59 และมีแนวโน้มจะใช้ธนาคารในประเทศในการทำสัญญาเช่าการเงิน(Finance Lease) ซึ่งต้นทุนการเงินไม่ต่างกับการทำสัญญาเช่าดำเนินงานที่ใช้กับเครื่องบิน 24 ลำแรก โดยขึ้นกับภาวะอัตราดอกเบี้ยแต่ละช่วง แต่สิ่งที่สำคัญบริษัทไม่ได้เสี่ยงกับอัตราแลกเปลี่ยน และบริษัทสามารถเป็นเจ้าของเครื่องบิน ซึ่งสามารถขายเครื่องบินออกไปได้ ทั้งนี้ บริษัทกำหนดอายุการใช้งานเครื่องบินเพียง 12 ปี แล้วจะทำการเปลี่ยนใหม่
ในปีนี้สายการบินไทยแอร์เอเชียได้ใช้วงเงินสินเชื่อ จำนวน 3,450 ล้านบาทกับบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงไทย เพื่อซื้อเครื่องบิน 2 ลำ และเช่าอีก 1 ลำ ซึ่งมีอายุผ่อนชำระ 12 ปี มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 3 ปีแรก และแนวโน้มจะใช้สถาบันการเงินในประเทศในการซื้อเครื่องบินในคราวต่อไป โดยมีนโยบายไม่ให้หนี้สินต่อทุน(D/E)เกิน 2 เท่า
สำหรับในไตรมาส 3/55 บริษัทคาดว่า load factor จะอยู่ระดับใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 3/54 ที่ระดับ 80% ขณะที่จำนวนเครื่องบินปีนี้เพิ่มขึ้น 4 ลำ ทำให้รายได้สูงกว่าปีก่อน ส่วนไตรมาส 4/55 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น ขณะนี้ยอดจองดีมาก คาดว่า load factor จะสูงกว่า 80% ทั้งปี 55 ตั้งเป้า load factor ที่ระดับ 80% ใกล้เคียงปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าราคาน้ำมันอากาศยานเฉลี่ยที่ 130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าปีก่อนที่มีราคาน้ำมันอากาศยานเฉลี่ยที่ 124 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งในไตรมาส 4/55 ได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันประมาณ 30% ของปริมาณน้ำมัน แต่จะไม่ทำมากไปกว่านี้เพราะจะเสี่ยงเกินไป