ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการภาคเอกชนและการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 36.43 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 5,793.32 จุด และตลอดสัปดาห์ ดัชนีร่วงลง 1.3%
หุ้นบริษัทน้ำมันอ่อนตัวลง โดยบีพีร่วง 1.7% และรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 0.8%
หุ้นกลุ่มเหมืองลดลงเช่นกัน โดยริโอ ทินโต ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ร่วงลง 1.6% หลังราคาทองแดงและตะกั่วปรับตัวลดลง ขณะที่ยอดปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์จีนซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ได้จุดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการโลหะจากประเทศจีนลดลง
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองยังถูกเทขายหลังถูกปรับลดความน่าลงทุน หุ้นเอฟราซลดลง 5.4% หลังบริษัทปิดสายการผลิตเหล็กกล้าในสาธารณรัฐเช็ก เนื่องจากมีความต้องการในระดับต่ำ รวมถึงถูกเครดิตสวิสปรับลดราคาเป้าหมาย
หุ้นมอร์แกน ครูซิเบิล ผู้ผลิตเสื้อเกราะ ร่วง 11.1% หลังบริษัทเตือนเรื่องผลกำไร พร้อมประกาศลดจำนวนพนักงาน โดยอ้างถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และอุปสงค์ที่อ่อนแอในยุโรป
อย่างไรก็ดี หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป บวก 1.2% และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่ง 2.3% หลังดอยช์แบงก์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรป
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงรอดูว่าเมื่อไหร่สเปนจึงจะตัดสินใจขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า หากสเปนขอความช่วยเหลือ ก็อาจกระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นั้น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อัตราว่างงานและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และรายงานการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ