(เพิ่มเติม1) TMC เคาะราคา IPO ที่ 3.90 บาท/หุ้น เสนอขาย 17-19 ต.ค.เข้าเทรด 26 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 16, 2012 12:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม (TMC) กำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 85,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ราคาเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปหุ้นละ 3.90 บาท เปิดให้จองซื้อในวันที่ 17-19 ต.ค.55 และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 26 ต.ค.55 โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ร่วมด้วย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย บล.ธนชาต บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.เอเชีย พลัส

ขณะเดียวกันบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อพนักงานของบริษัทจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.12 บาท โดยหุ้นในส่วนนี้จะถูกห้ามขาย(Lock-up Period)เป็นเวลา 3 เดือน

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ราคาหุ้น IPO ของ TMC มีส่วนลดให้กับนักลงทุน 25.84% เมื่อเทียบกับค่าพีอีเรโชของตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง 1 ก.ค.-30 ก.ย.55 อยู่ที่ 18.53 เท่า ประกอบกับ ผลโรดโชว์ที่เชียงใหม่ หาดใหญ่ ชลบุรี และกทม.ในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้าร่วมรับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่าเมื่อเปิดจองซื้อหุ้นแล้วจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข กรรมการผู้จัดการ TMC กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเป็นขาขึ้น โดยส่วนหนึ่งของเงินระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้สร้างโรงงานแห่งที่ 3 จากปัจจุบันโรงงานทั้ง 2 แห่งผลิตเต็ม 100% ซึ่งไม่เพียงพอกับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นรายได้หลักกว่า 50% ซึ่งมีออร์เดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระคืนเงินกู้ยืม เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราเติบโตที่ดีในอนาคต

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 675.24 ล้านบาท หลังจากยอดขายเครื่องจักรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องจักรอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นรายได้หลักกว่า 50% โดยในปีนี้มีออร์เดอร์เข้ามาจำนวนมาก บริษัทมีงานในมือ(backlog) ณ สิ้นมิ.ย.55 อยู่ที่ 422 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 30% ปัจจุบันอยู่ที่ 28.9% แล้ว เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่สูงขึ้น ประกอบกับ บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบมากขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิขณะนี้อยู่ที่ 13% เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายทรงตัว โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิแล้วกว่า 59.09 ล้านบาท สูงกว่ากำไรของปี 54 ทั้งปีที่มี 32.42 ล้านบาท

ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนขยายตลาดต่างประเทศ เนื่องจากยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านราคา จึงมีการส่งสินค้าบางส่วนไปให้กับโรงงานในไต้หวัน แต่ส่วนใหญ่ส่งให้กับลูกค้าในประเทศ มีลูกค้ารายใหญ่ ได้แก่ โตโยต้าและดับเบิลเอ

โรงงานใหม่จะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/56 และเฟส 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายหลังเฟสแรกแล้วเสร็จ ทั้งหมดจะใช้เวลาราว 2 ปี ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 225 ล้านบาท โรงงานมีพื้นที่ใช้สอยเฟสละ 4,800 ตารางเมตร รวม 2 เฟส 9,600 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้บริษัทวางแผนผังสายการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เวลาการผลิตน้อยลง

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมารายได้และกำไรสุทธิของ TMC เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 52 มีรายได้รวม 367.17 ล้านบาท เพิ่มเป็น 474.45 ล้านบาทในปี 53 และ 675.24 ล้านบาทในปี 54 ขณะที่งวดครึ่งแรกของปี 55 มีรายได้รวม 437.06 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปี 52 อยู่ที่ 11.89 ล้านบาท ปี 53 อยู่ที่ 11.35 ล้านบาท และปี 54 มีกำไรสุทธิ 32.42 ล้านบาท ขณะที่งวดแรกของปี 55 มีกำไรสุทธิ 59.09 ล้านบาท

TMC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรระบบไฮดรอลิค เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งเครนระบบไฮดรอลิคและเครื่องทุ่นแรงระบบไฮดรอลิคเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไปและศูนย์บริการรถยนต์ จักรยานยนต์ รวมทั้งจัดหาและจัดจำหน่ายเครื่องทุ่นแรงระบบไฮดรอลิคบางประเภท ภายใต้ตราสินค้า “TMC"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ