บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุ 2 ปี คาดผลตอบแทน 3.9%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 16, 2012 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าเปิดอีก 2 กองทุนตราสารหนี้ เพื่อรองรับเงินลงทุนของลูกค้าที่กองทุนครบกำหนดอายุโครงการ และมองหาช่องทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 27 (KTFF27) ในวันที่ 16-22 ต.ค.55 อายุโครงการ 2 ปี จ่ายผลตอบแทนคืนทุก 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

กองทุนังกล่าวเน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากประจำ First Gulf Bank, Unoin National Bank, บัตรเงินฝาก Banco Do Brasil S.A., MTN ของ Banco Bradesco BBA, MTN ของ Itau Unibanco S.A., LPN ของ VTB Capital SA และ LPN ของ Gaz Capital SA ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.90% ต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดซื้อขายรอบใหม่(Roll Over)สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 1 (KTSIV6M1)เปิดจำหน่ายถึงวันที่ 19 ต.ค.55 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก ตั๋วแลกเงิน ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และธนาคารธนชาต 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.95% ต่อปี

แนวโน้มภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงรอผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะประชุมในวันที่ 17 ต.ค.นี้ โดยหลังจากเกาหลีใต้ บราซิล และออสเตรเลีย ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตที่มีสัญญาณชะลอตัวลง ทำให้มีนักลงทุนบางส่วนคาดว่าในประเทศต่างๆ ในเอเชีย และตลาดเกิดใหม่อื่นจะมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังไม่ปรับลดลง รวมทั้งของไทย จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งล่าสุดสิงคโปร์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มถดถอยลง

สำหรับตราสารหนี้ของไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง -2 ถึง +2 bp โดยนักลงทุนยังรอดูท่าทีของ กนง.และทิศทางการไหลของกระแสเงินทุน ส่วนหนึ่งสะท้อนอยู่ในการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทที่ผันผวนในช่วง 30.60-30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอ่อนค่าลงจากที่เคยแข็งค่าที่ระดับ 30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดอลลาร์พรีเมี่ยมจากการทำสวอปข้ามสกุลเงินเพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนปรับลดลงเล็กน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ