(เพิ่มเติม) TICON ตั้งเป้าปี 56 รายได้ 6 พันลบ.จากปี 55 คาดทำได้สูงกว่า 5.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 29, 2012 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)ตั้งเป้าปี 56 ทำรายได้เพิ่มเป็น 6 พันล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่า 5.5 พันล้านบาท โดยในปีหน้าบริษัทมีแผนจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่าใกล้เคียงกับปีนี้ พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนราว 6 พันล้านบาทเพื่อขยายพื้นที่และสร้างโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเพิ่มเติม และมีแผนออกหุ้นกู้อายุ 3-5 ปีวงเงิน 2.5 พันล้านบาท กลางปี 56 เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอน

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ระดับ 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่ารายได้ในปี 56 จะเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท จากปีงปี 55 ที่จะมีรายได้มากกว่า 5.5 พันล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ถือหุ้นอยู่ประมาน 3,570 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุน TFUND ประมาณ 1,570 ล้านบาท และกองทุน TLOGIS ประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ ใกล้เคียงกับปีนี้

บริษัทคาดว่าในปี 56 จะมีพื้นที่โรงงานให้เช่าเพิ่มเป็น 2.5 แสนตารางเมตร จากในปี 55 อยู่ที่ 2 แสนตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนผู้เช่าเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่นมากที่สุดถึง 61% โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนของคลังสินค้าในปีหน้าตั้งเป้าว่าจะเพิ่มพื้นที่เป็น 1.2 แสนตารางเมตร จาก 1 แสนตารางเมตรในปี 55 ผู้เช่าส่วนใหญ่ก็เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่นถึง 43%

นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ในปี 56 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 6 พันล้านบาท โดยจะนำไปใช้เพื่อก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า 4 พันล้านบาท และใช้ซื้อที่ดินราว 2 พันล้านบาท โดยมองพื้นที่ทะเลแถบภาคตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ และจะมีการสร้างศูนย์กระจายสินค้าให้เช่า โดยอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินประมาน 200 ไร่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 56 ขณะที่ในปี 55 บริษัทใช้เงินลงทุนไปทั้งหมด 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในการก่อสร้าง 3 พันล้านบาท และค่าซื้อที่ดิน 2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 56 บริษัทจะมีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกประมาน 2.5 พันล้านบาทกลางปี 56 คาดว่าจะเป็นหุ้นกู้อายุ 3-5 ปี เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปีหน้า ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายจะรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ไม่ให้เกิน 2.5 เท่า จากปี 55 อยู่ที่ 1.4 เท่า โดยมองว่า D/E จะค่อยๆขยับเพิ่มขึ้นจากการนำเงินไปซื้อที่ดิน ซึ่งปัจจุบันได้ทำสัญญาซื้อที่ดินไว้หลายแห่ง แต่จะชำระเงินในปีหน้า อีกทั้งจะนำเงินไปลงทุนเพิ่มมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ