LHKเตรียมงบ 200-500ลบ.ซื้อกิจการแตกไลน์สินค้า หลังเทคฯ"เง็กเซ่งเชียงฯ"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 4, 2012 18:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โลหกิจ เม็ททอล (LHK)เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 200-500 ล้านบาทในการซื้อกิจการพิ่มเติมเพื่อแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการในประเทศเข้ามาเสนอตัวให้พิจารณาแล้วประมาน 5 ราย แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา และพร้อมเปิดรับรายใหม่ที่จะยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท เง็กเซ่งเชียงเม็ททอล จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด จำนวน 2.3 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10.7.37 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นไม่เกิน 246.96 ล้านบาท โดยบริษัทจะชำระค่าหุ้นทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญออกใหม่ของบริษัท ในราคาหุ้นละ 3.92 บาท กำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 21 ม.ค.56

อนึ่ง เง็กเซ่งเชียงฯ เป็นธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายทั้งค้าส่งและค้าปลีก โลหะและอโลหะประเภทต่างๆ ประกอบด้วย ทองแดง ทองเหลือง อะลูมิเนียม และสเตนเลสสตีล โดยมีฐานลูกค้าทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย ได้แก่ ร้านค้าปลีก โรงงานอุตสาหกรรม ผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น ในงวดบัญชีปี 54 (ปิดงวด ณ วันที่ 31 มี.ค.55 ) มีรายได้ 1,036 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 44 ล้านบาท

นายประสาน กล่าวว่า สาเหตุที่เข้าไปซื่อกิจการเง็กเซ่งเชียงฯ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่มาเสริมกันในลักษณะการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ และเสริมกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กับบริษัท หากมีการร่วมธุรกิจแล้วจะเสริมให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอให้กับลูกค้า เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านตลาดอยู่แล้ว ขณะทีเง็กเซ่งเชียงฯ ก็มีตลาดของตัวเองอยู่แล้ว เป็นส่วนช่วยเสริมกัน

ทั้งนี้ หลังจากการซื้อกิจการเง็กเซ่งเชียงฯ จะส่งผลให้ค่า DE ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1-1.1 เท่าในปี 56 จากที่ปัจจุบันมีค่า DE อยู่ 0.7 เท่า

นายประสาน เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าเติบโตขึ้น 10-15% จากการที่มองว่าปีหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังจะโตอย่างต่อเนื่อง และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะเติบโตขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้บริษัทคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ในมือล่วงหน้าไปถึง 6 เดือนแรกของปี 56 แล้ว และมองว่าปีหน้าการจัดงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีจะทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับออร์เดอร์เพิ่มเติมอีกจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนผลประกอบการของปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นเป็น 2.5 พันล้านบาท จากปี 54 ทำรายได้ 2.28 พันล้านบาท โดยผลประกอบการในปีก่อนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และบริษัทคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 11.50% จากที่ปีก่อนอยู่ที่ 10.94%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ