(เพิ่มเติม) TMC ตั้งเป้ารายได้ปี 56 โต 25% จากปีนี้ที่คาดทะลุเป้า 900 ลบ., กำไรโตกว่าปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 11, 2012 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ. ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม (TMC) เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 4/55 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/55 เนื่องจากบริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการส่งมอบเครื่องจักรให้กับลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาตามภาวะการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกทำให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

“อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังเป็นขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจของบริษัทมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อีกทั้งด้วยจุดเด่นการมีเครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่หลากหลาย จึงทำให้มั่นใจว่าปัจจัยบวกที่กล่าวมาจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานไตรมาสที่เหลือปีนี้ของ TMC จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง" นายสุรเชษฐ์กล่าว

สำหรับในปี 56 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โต 25% หรือรายได้เตะ 1.15 พันล้านบาท จากที่ปี 55 ที่คาดว่า รายได้จะทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 900 ล้านบาท จากที่มีการเร่งส่งมอบงานเร็วขึ้นเพราะ มีออเดอร์เข้ามามาก ในขณะเดียวกันได้มีการปรับปรุงระบบการจัดการใหม่ ให้มีการจักการได้ดีขึ้น ทำให้มีต้นทุนที่ลดลง จึงทำให้รายได้โตขึ้นจากเดิม

ปัจจุบัน (ณ สิ้นเดือน ก.ย.55) บริษัทมี Backlog อยู่ทั้งหมด 500 กว่าล้านบาท โดยจะรับรู้ในปี 55-56

"จากที่มีงานเข้ามาจำนวนมากส่งผลให้ ในปี 56 จะมีกำไรโตขึ้นอีก และมองว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ในปี 56 ยังโตต่อเนื่อง จะทำให้มียอดความต้องการซื้อเครื่องจักร เพิ่มขึ้นในปี 56 อีก"

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในปีหน้าจะมีการลงทุนในโรงงานแห่งที่ 3 เฟส 1 โดยในช่วงต้นปีจะเริ่มสร้างโรงงาน และจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงปลาย Q3 หรือ ต้น Q4 จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมเพิ่มขึ้น 30% ซึ่งใช้เงินลงทุน ประมาณ 100 กว่าล้านบาท และจะมีการลงทุนเพิ่มในเครื่องจักร และการซ่อมบำรุงต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินทุนในปี 56 ประมาน 200 กว่าล้านบาท

ส่วนในเฟส 2 หากเริ่มมีการสร้างต่อเนื่องจากเฟส 1 เลย คาดว่าจะสร้างเสร็จและ เริ่มผลิตได้ในช่วงกลางปี 57 จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ 30% เช่นกัน ซึ่งโรงงาน แห่งที่ 3 ทั้ง 2 เฟสจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 255 ล้านบาท และจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของเครื่องจักรที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนในยานยนต์ โดยในปัจจุบันมีสัดส่วนที่เป็นเครื่องจักรยานยนต์ กว่า 49% ของทั้งหมด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ