หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 3.80 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 13,174.52 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.41 จุด หรือ 0.17% แตะที่ 1,417.07 และ ดัชนี Nasdaq ลดลง 12.63 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 2,979.74 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก ปรับตัวลดลง 0.3% ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.2% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินร่วงลงอย่างหนัก แม้ว่าราคาสินค้าในหมวดอื่นๆปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1%
การปรับตัวลงของดัชนี CPI เดือนพ.ย.ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า จะช่วยเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษที่ระดับ 0-0.25% โดยไม่ต้องกังวลว่าเศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ของสหรัฐ โดยนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโอบามา ว่าไม่มีความจริงจังในการเจรจา และไม่มีแผนที่เจาะจงมากพอที่จะลดการใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้มีการบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง
ขณะที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เตือนว่า การดำเนินการใดๆของเฟดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการ QE4 นั้นไม่สามารถที่จะชดเชยความเสียหายทางเศรษฐกิจซึ่งเกิดจากภาวะหน้าผาการคลัง หรือมาตรการการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาลซึ่งจะเริ่มมีผลในเดือนหน้า