(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าSidewayกรอบแคบ รอความชัดเจน Fiscal Cliff-จับตาแก้รธน.

ขณะที่ในประเทศ ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมามากแล้ว แต่แนวโน้มยังแข็งแรงอยู่ วันนี้หากลงคงจะลงไม่มาก โดยให้กรอบแกว่งไว้ที่ แนวต้าน 1,365 จุด และ แนวรับ 1,350 จุด

นอกจากนี้มองว่ายังมีกองทุน RMF, LTF ที่เข้ามาหนุน ในขณะเดียวกันประเด็นที่น่าติดตามคือ ในส่วนของการเมืองที่จะมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(14 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,135.01 จุด ลดลง 35.71 จุด (-0.27%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,413.58 จุด ลดลง 5.87 จุด(-0.41%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,971.33 จุด ลดลง 20.83 จุด(-0.70%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 158.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 15.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 33.80 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.37 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.22 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.36 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.20 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(14 ธ.ค.)1,358.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด(+0.35%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 814.58 ล้านบาท เมื่อ 14 ธ.ค.55
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(14 ธ.ค.) ที่ 86.73 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 ดอลลลาร์หรือ 1%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(14 ธ.ค.) ปิดที่ 6.1 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.57/59 แข็งค่าตามยูโร
• นโยบายรถยนต์คันแรกทะลัก ยอดขอคืน ทะลุ 900,000 คัน งบคืนเงินกว่า 80,000 ล้านบาท สรรพสามิตยันเปิดยื่นถึงวันสุดท้าย รัฐบาลพร้อมจัดงบประมาณ พลังงานคาดยอดใช้น้ำมันเพิ่มปีหน้า
• แบงก์ชาติจับตาผลเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หวั่นใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน ทำสภาพคล่องโลกล้นมากขึ้น กระทบ อัตราแลกเปลี่ยนประเทศอื่น ขณะเอ็กซิทโพลล์ชี้แอลดีพีชนะเลือกตั้ง เตรียมเปิดประชุมสภา 26 ธ.ค.นี้ ตั้ง "อาเบะ" เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ตามที่หาเสียงไว้
• สภาธุรกิจตลาดทุนชงคลังเร่งรับมือกฎหมายป้องกันการเลี่ยงภาษีสหรัฐที่บังคับทุกสถาบันการเงินต้องรายงานข้อมูลการลงทุนของชาวอเมริกัน จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2557 หวังตามเก็บภาษีหลังฐานะการคลังไม่ค่อยดี หากประเทศใดไม่ร่วมมือ ผลประโยชน์ที่ได้จากการลงทุนในสหรัฐต้องถูกหักภาษีทันที 30% เผยกรณีนี้คล้าย FATF ที่ผล กระทบรุนแรง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้
• แบงก์ชาติห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ ขณะที่คลังห่วงหนี้ในระบบจะไหลออกนอกระบบ จับตาการใช้จ่ายผ่านการบริโภคอาจเร่งหนี้พุ่งได้ คาดปี 56 เศรษฐกิจโลกดีขึ้น จับตาหลังเลือกตั้งญี่ปุ่นอาจใช้เงินอัดฉีดในระบบ อาจทำให้หุ้นและราคาที่ดินปั่นปวน หวั่นสร้างแรงกดดันเงินบาท
• กระทรวงพลังงานเล็งปรับโมเดลพลังงานญี่ปุ่นเดินหน้าแผนพลังงานชาติรองรับเปิด AEC ปี 2558 หวังผุดสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์กว่าแสนล้านบาทเล็งสรุปแผนลงทุนปีหน้า "ปตท." ชี้พื้นที่สัตหีบเหมาะ ระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ ด้าน "กฟผ." ดันโรงไฟฟ้าถ่านหินกดค่าไฟ
• นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้านเสถียรภาพการเงิน กล่าวว่า ธปท.จะปล่อยให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดแม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตลาดยังสามารถปรับตัวได้ จึงอยากเตือนให้บริษัทและผู้ประกอบการอย่าประมาท ควรทำการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนต่อเนื่อง

*หุ้นเด่นวันนี้

• ITD (เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.28 บาท มูลค่างานในมือของ ITD จะทำสถิติสูงสุดถึง 2.4 แสนล้านบาท และในอนาคตยังมีโอกาสรับงานใหม่ที่อยู่ระหว่างการประมูลและรอเซ็นสัญญาอีก 7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจากคุณภาพของงาน จะทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นในปี 2556 ฟื้นตัวจากปีนี้ที่คาดว่ายังมีผลขาดทุน โดยยังคงจับตามองเรื่องโครงการทวายที่รัฐบาลเริ่มเดินหน้าเจรจาหาผู้ร่วมทุนให้
• BWG (เกียรตินาคิน)มีประเด็นเก็งกำไรหุ้นในระยะสั้น ๆ หลังจากที่ กลต.ได้อนุมัติการขายหุ้น IPO ของ บมจ.อัคคีปราการ หรือ AKP ซึ่งเป็นบริษัทลูกค้าของ BWG ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นของ BWG จะได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้น IPO ของ AKP ไม่เกิน 21 ล้านหุ้น โดยให้แนวรับ 1.72 บาท แนวต้าน 1.83 บาท
• TTA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อลงทุน"ความวิตก Dilution effect หมดไประยะสั้นหลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติแผนเพิ่มทุน แต่เชื่อว่า TTA จะยังหาแนวทางอื่นในการระดมทุนในอนาคต ด้านผลการดำเนินงานเชื่อผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2012 (สิ้นสุด ก.ย.) ที่ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 341 ล้านบาท และคาดจะกลับมาทำกำไรได้ใน 2H13 จากธุรกิจเมอร์เมดที่เป็นตัวผลักดันกำไรได้ดีกว่าธุรกิจอื่น พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20 บาทจากเดิม 17 บาทโดยตัดหุ้นเพิ่มทุนออกไป
• CPF(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 43 บาท เชื่อถึงเวลาแล้วที่จะเรื่มหันกลับมาสนใจหุ้น CPF อีกครั้งหลังผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำที่สุดในหุ้น big cap ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ปัจจุบัน เนื่องจากราคาไก่ภายในประเทศฟื้นตัวค่อนข้างมาก โดยคาดจุดเลวร้ายที่สุดใกล้จะน่าผ่านไปแล้ว และกำไรจะเติบโตดีอีกครั้งในปี 2013 หากไม่รวม CPALL ปัจจุบัน CPF ซื้อขายที่ PE ต่ำเพียง 9 เท่า
• KK(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 53 บาท รายงานยอดสินเชื่อเดือน พ.ย. เติบโต +2.4% mom และ +22.5% Ytd ขยายตัวต่อเนื่องจากธุรกิจเช่าซื้อ และคาดว่าสินเชื่อช่วงที่เหลือของปีจะขยายตัวต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ High Season ของภาคธุรกิจ และราคาหุ้นมี Momentum เชิงบวก เนื่องจากได้รับการเพิ่มเข้าสู่ดัชนี SET 50 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2556 เป็นต้นไป พร้อมคาดกำไรสุทธิ 4Q55 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นแตะระดับ 1 พันล้านบาท
• SIMAT(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 9.20 บาท หลังเสร็จสิ้นการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า หรือ TLGF ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อเงินทุนในการขยายกิจการ และปีหน้ารับรู้รายได้ค่าเช่าโครงข่ายเคเบิลใยแก้ว (FTTx) กับ กสท.เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ 3Q56 เป็นต้นไป สร้างรายได้ปีละราว 170 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 38% คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างกำไรให้กับ SIMAT ราว 32 ล้านบาท ในปี 2556 และปีละ 65 ล้านบาทในช่วงปี 2557—2560 ถือว่ามีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับฐานกำไรปกติเดิมของบริษัทปีละ 40-50 ล้านบาท และผลักดันให้กำไรปกติปี 2556 เติบโตสูงถึง +84% yoy เป็น 100 ล้านบาท รวมทั้งยังมี Valuation ที่น่าสนใจ