"แอร์โรว์ ซินดิเคท"เริ่มซื้อขายในตลาด mai 25 ธ.ค.ใช้ชื่อย่อ"ARROW"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 21, 2012 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท(ARROW) พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 25 ธ.ค.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,100 ล้านบาท เป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ลำดับที่ 10 ในตลาด mai ปีนี้

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ARROW ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อร้อยสายไฟฟ้า ท่อลม ท่อระบายอากาศ ท่อก่อสร้าง และท่อประปาตลอดจนข้อต่อต่างๆ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ผู้ติดตั้งงานระบบไฟฟ้า และประปาสำหรับโครงการมาตรฐานกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการทำการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย และผู้รับเหมาโครงการ บริษัทได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยผลงานที่สำคัญ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม ศูนย์ราชการกรุงเทพฯ แจ้งวัฒนะ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์

ARROW มีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 5 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 45 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 17-19 ธันวาคม 2555 ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 275 ล้านบาท โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ ARROW เปิดเผยว่า บริษัทต้องการรักษาความเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กร้อยสายไฟฟ้าของประเทศไทยและมีแผนการขยายธุรกิจรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่ งต่อเนื่องทุกปี จึงระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานใหม่ ซื้อเครื่องจักรสำหรับขยายกำลังการผลิตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ARROW 3 รายแรก ได้แก่ กลุ่มนายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ ถือหุ้น 57.42% กลุ่มนายภาณุพงศ์ วิจิตรทองเรือง ถือหุ้น 7.23% และ กลุ่มนางประคอง นามนันทสิทธิ์ ถือหุ้น 7.15%

ราคา IPO ของ ARROW ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 12.12 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลังคือ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 - ไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ซึ่งเท่ากับ 90.74 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (Fully diluted)ซึ่งเท่ากับ 200 ล้านหุ้น ซึ่งได้เท่ากับ 0.4537 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ