ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 120.88 จุด เหตุวิตกหน้าผาการคลัง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday December 22, 2012 06:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากที่ข้อเสนอเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังของนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ถูกเลื่อนการลงมติออกไป ซึ่งจุดปะทุความหวั่นวิตกว่าสหรัฐอาจหนีไม่พ้นวิกฤตงบประมาณที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ อันจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 120.88 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 13,190.84 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.54 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 1,430.15 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 29.38 จุด หรือ 0.96% ปิดที่ 3,021.01 จุด

ข้อเสนอ "แผนสอง" ของนายโบห์เนอร์ ซึ่งครอบคลุมการขึ้นภาษีสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้สูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติมากพอ ซึ่งดับความหวังก่อนหน้านี้ที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณได้อย่างรวดเร็ว

"พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเราจะทำสำเร็จหรือไม่" สื่อสหรัฐรายงานคำกล่าวของโบห์เนอร์เกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ม.ค.2556

ออตโต เวเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของรีเสิร์ช แอนด์ แอสเส็ท แมเนจเมนท์ ในซูริคกล่าวว่า เรายังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ในเรื่องที่ว่าวิกฤตการคลังอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐลง 2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐเดินหน้าขึ้นคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงงบประมาณได้ก่อนกำหนดเส้นตายในปีหน้า ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐไม่ต้องเผชิญกับภาวะที่จะมีการปรับลดรายจ่ายและขึ้นภาษีโดยอัตโนมัติ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff)

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์นั้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนลดลงแตะ 72.9 ในเดือนธ.ค. ซึ่งนับว่าอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา และต่ำกว่ารายงานช่วงต้นเดือน

อย่างไรก็ดี วอลล์สตรีทยังได้รับแรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สดใส ซึ่งช่วยกระตุ้นให้มีแรงซื้อเข้ามาพยุงตลาดได้อยู่บ้าง โดยสำนักสถิติแรงงานเผยว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ร่วงลงใน 45 รัฐและดิสทริก ออฟ โคลัมเบีย

ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่าบริษัทต่างๆกำลังวางแผนขยายธุรกิจในปีหน้า ส่วนรายได้ส่วนบุคคลของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งนับว่ามากสุดตั้งแต่เดือนก.พ. หลังจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนก่อนหน้า ด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.

ในส่วนของหุ้นที่โดดเด่นนั้น หุ้น Halozyme Therapeutics พุ่ง 27.36% หลังจากที่บริษัทประกาศในช่วงเช้าวันศุกร์ว่า บริษัทได้ทำข้อตกลงความร่วมมือและใบอนุญาตทั่วโลกกับไฟเซอร์ เพื่อพัฒนาและทำตลาดผลิตภัณฑ์ต่างๆที่รวมชีวสารของไฟเซอร์กับเทคโนโลยี Enhanz ของ Halozyme

ส่วนหุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น ผู้ผลิตแบล็กเบอร์รีร่วง 22.73% เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างการเก็บค่าบริการใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท

หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นแกนนำหุ้นลบเมื่อวันศุกร์ โดยซิตี้กรุ๊ปร่วง 1.69% แตะ 39.49 ดอลลาร์ ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 2.00% แตะที่ 11.29 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะเปิดทำการครึ่งวันในวันจันทร์นี้ และจะปิดทำการซื้อขายในวันอังคาร เนื่องในวันคริสต์มาส


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ