PLE เชื่อปี 56 พลิกเป็นกำไร เป้ารายได้โต 15-20% ลุ้นงานสร้างรัฐสภาใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 3, 2013 14:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง(PLE)กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 56 จะพลิกกลับมาเป็นมีกำไร หลังจากปี 55 ยังประสบกับภาวะขาดทุน ขณะที่ตั้งเป้ารายได้ปี 56 เติบโต 15-20% โดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(backlog)มูลค่ากว่า 7-8 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ และยังจะมีการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ PLE เคยคาดว่าจะมีรายได้ลดลงจากปี 54 ที่มีรายได้ 9.1 พันล้านบาท หลังจากได้ขายกิจการบริษัทลูกออกไป

สำหรับผลประกอบการปี 55 ที่ผ่านมาภาพรวมดีขึ้นกว่าปี 54 แม้ว่าจะยังคงขาดทุนอยู่ เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำและอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงปีนี้ด้วย รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังชีวมวล(แกลบ)ของ บริษัท Power Prospect ที่ PLE ถือหุ้น 55% ขาดทุน เพราะราคาต้นทุนวัตถุดิบสูง

และการเปิดตัวโครงการบำรุงเมืองพลาซ่าหรือ"โซโห"ล่าช้าออกไปจากกำหนด ทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาในปีที่แล้ว จึงเกิดปัญหาไม่สามารถเก็บหนี้สูญได้มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท แต่ในปีนี้โครงการ "โซโห"คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ภายในไตรมาส 1/56 โดยมีขนาดพื้นที่ให้เช่าประมาณ 18,000-20,000 ตร.ม.ซึ่งหลังจากเปิดจองพื้นที่ให้เช่าแล้วมียอดจองเข้ามาถึง 70% โดยมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 บาท/ตร.ม. ทำให้มีรายได้เข้ามาภายในปี 56

"ค่าเช่าโครงการ"โซโห"นั้นได้ตั้งค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าค่าเช่าที่เปิดให้เช่านั้นถูกมากเมื่อเทียบกับศูนย์การค้าอื่น เพราะเราต้องการตีตลาด"นายเสวก กล่าว

ส่วนกิจการของบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คือ โครงการสิธารมย์ จ.อุดรธานี ในปีนี้ยังคงมีกำไรต่อเนื่องจากปี55 และคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังชีวมวลจะพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากแนวโน้มราคาวัตถุดิบถูกลง

นายเสวก ยังกล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานก่อสร้างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเร็ว ๆ นี้จะเข้าประมูลโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งจะเริ่มเปิดประมูลในช่วงต้นปี โดยบริษัทฯคาดหวังมีโอกาสได้รับงานสูง จากผู้ที่จะเข้าร่วมประมูล 4 ราย นอกจากนั้นยังมีงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศพม่าและศรีลังกที่อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะรู้ผลชัดเจนประมาณไตรมาส 1/56

"เรามองโอกาสในการรับโปรเจ็คต์ใหม่เพิ่มขึ้นในปีนี้เยอะพอสมควรจากการที่ภาครัฐเน้นด้านการขยายโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งเราเตรียมพร้อมในการรับโปรเจ็คต์ใหม่ๆที่จะเข้ามา ซึ่งตอนนี้มีโปรเจ็คต์ที่ทำอยู่เป็นโรงซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า และโครงการของจุฬาฯ ส่วนโครงการใน Middle East นั้นได้หยุดไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว และงานในกาต้าร์ก็ได้ขายหุ้นทิ้งไปนานแล้ว"นายเสวก กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ