แต่อย่างไรก็ตาม การขึ้นของดัชนีที่ขึ้นไปสูงในรอบนี้จะมีกรอบจำกัด เนื่องจากในปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้ามีปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงแกว่งตัว อย่างเช่น การประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/55 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่กำลังทยอยออก
ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ถ้าผลสรุปออกมาว่ามีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีแรงขายหุ้นกลุ่มอสังหาฯออกมา เนื่องจากหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อมารับผลของการลดอัตราดอกเบี้ยลง
พร้อมให้แนวรับ 1,406-1,410 จุด แนวต้าน 1,421-1,425 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(8 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,328.85 จุด ลดลง 55.44 จุด(-0.41%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,457.15 จุด ลดลง 4.74 จุด(-0.32%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,091.81 จุด ลดลง 7.01 จุด(-0.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 102.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 43.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.85 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 0.60 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(8 ม.ค.)1,417.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.01 จุด(+0.14%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,978.83 ล้านบาท เมื่อ 8 ม.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(8 ม.ค.)ที่ 93.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.04 ดอลลลาร์หรือ 0.04%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(8 ม.ค.) ปิดที่ 7.8 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาด 30.42/44 จับตาผลประชุมกนง.บ่ายนี้ มองกรอบ 30.38-30.45
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 8 ม.ค.เห็นชอบผลการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อรังสิต สัญญา 2 (งานโยธาสำหรับทางรถไฟและสถานี) ระยะทาง 26 กม. ซึ่งบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เป็นผู้รับเหมา พร้อมกับอนุมัติขยายงบประมาณก่อสร้างเพิ่มเติมจาก 1.9 หมื่นล้านบาทเป็น 2.12 หมื่นล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9%
- รมว.คลัง เผย ครม.เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการที่ได้รับจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน โดยเห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการภาษี ที่ให้นายจ้างนำค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นมาหักภาษีได้ 1.5 เท่า การยกเว้นภาษีขายเครื่องจักรเก่าและให้หักค่าเสื่อมได้ 100% ในปีแรกออกไปอีก 1 ปีจากที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2555 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2556
- ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ หอการค้าไทยเผยทิศทางการส่งออกของไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 3.1-7.2% หรือเฉลี่ย 4.9% มูลค่าส่งออก 2.38-2.47 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยโอกาสจะเติบโตได้มากสุดอยู่ที่ 4.9% ซึ่งภาพรวมการส่งออกไม่คึกคัก เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น อีกทั้งไทยยังมีความสามารถแข่งขันด้านราคาสินค้าลดลง จากนโยบายการขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ300 บาท ทำให้ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น 22.29%
- ครม.ไฟเขียว ร่างกฎหมาย 2 ฉบับ หนุน "สถาบันการเงิน-ประกันภัย"ควบรวมเพื่อลดอุปสรรคโดยยกเว้นภาษีเงินทุนสำรองรอบบัญชีสุดท้ายไม่ต้องนำมาคิดเป็นรายได้ที่จะต้องเสียภาษี "แบงก์ชาติ"หนุนมาตรการ ชี้สร้างความเข้มแข็งสถาบันการ เงินและกิจการประกันภัย ด้านกระทรวงการคลัง ชี้เป็นการพัฒนาตามแนวทางยกระดับตลาดทุนและเพิ่มฐานภาษีประเทศระยะยาว
- ต่างชาติเก็งกำไรหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์มากขึ้น บล.เอเซียพลัส"พบสถิติรอบ 4 ปี ถือครองเพิ่มจาก 4% เป็น 7.1% สูงสุดประวัติการณ์ และสัดส่วนการถือครองในกระดานต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 27.3% เป็น 28.6% มองน่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 50%ขณะที่สำรวจแบงก์กรุงเทพถูกถือมากสุด บล.กสิกรคาดหุ้นไทยปรับฐานระยะสั้น ผันผวนถึงก.พ. นักลงทุนเกาะติดแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ หากผลออกมาดีดัชนีมีโอกาสแตะ 1,500 จุดไตรมาส 2
- สมาคมตลาดตราสารหนี้เผย แบงก์ไทยแห่ออกหุ้นกู้ปี 2555 กว่า 1.8 แสนล้านบาท ตุนฐานเงินกองทุนรับ BASEL 3 เรียบร้อย แนวโน้มปีนี้กลุ่มแบงก์ออกหุ้นกู้ลดลง เชื่อในอนาคตการกันเงินกองทุนที่สูงขึ้นจะทำให้แบงก์ปล่อยสินเชื่อได้ลดลง แนะบริษัทเอกชนหันใช้ตราสารหนี้ระดมทุนแทน เหตุต้นทุนการเงินถูกกว่า เตรียมเดินหน้าให้ความรู้บริษัทจดทะเบียน หวังดึงรายใหม่เข้าระดมทุนตราสารหนี้ปีนี้ไม่น้อยกว่า 10 ราย หลังพบบริษัทจดทะเบียนที่ระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้มีน้อยกว่า 100 ราย เท่านั้น
- หอการค้า-ส.อ.ท.ส่งหนังสือถึงสมาชิก 70 จังหวัด สำรวจผลกระทบค่าจ้าง 300 บาท หลังครม.อนุมัติ 16 มาตรการ ระบุไม่เพียงพอ เตรียมเสนอรัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ด้าน"ชาตรี"ประเมินกระทบระยะแรก คาดใช้เวลา 6 เดือน แนะภาครัฐควรช่วยเหลือระยะแรก ขณะนายกฯสั่งดูแลปิดกิจการใกล้ชิด
- SIRI(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.60 บาท เราปรับประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 55 และ 56 เพิ่ม 13% และ 2% ตามลำดับ และคาดการณ์จ่ายปันผลของปี 55 เพิ่มขึ้นเป็น 17 สตางค์ต่อหุ้น ให้ผลตอบแทน 4.5%(บริษัทจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง)ปรับราคาเหมาะสมปี 56 เพิ่ม โดยมีส่วนต่างราคา 20% คาดระยะกลางมีประเด็นบวกจากผลประกอบการที่เติบโตเด่นชัดของ 2 ไตรมาสคือ 4Q55-1Q56 พร้อมทั้งอัตราการจ่ายปันผลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 3.8%
- TTCL(เมย์แบงก์กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 45 บาท จุดเด่นของการเป็นผู้รับเหมาปิโตรเคมีรายใหญ่และรายเดียวในประเทศและเราเชื่อว่าการพัฒนาสาธารณูปโภคทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับ AEC จะช่วยต่อยอดการเติบโตของบริษัทในระยะกลางถึงยาวได้อย่างโดดเด่น คาดระดับ CAGR ของบริษัทในช่วง 20 — 25% และคาดว่าผลประกอบการจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปี 2557 เป็นต้นไปเมื่อบริษัทเริ่มรับเงินปันผลจาก NNE