บลจ.กรุงไทยออกกองทุนตราสารหนี้ 1 ปีล็อกผลตอบแทน 3.50%รับแนวโน้มดบ.ทรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2013 16:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 29 ( KTFF29 )ระหว่าง วันที่ 16-22 ม.ค.56 อายุโครงการ 1 ปี เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.50% ต่อปี

กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในเงินฝากของสถาบันการเงินใน UAE/ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ประมาณ 44% และตราสารหนี้ของสถาบันการเงินชั้นนำในรัสเซีย และบราซิลประมาณ 45% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนไทยที่มีอันดับเครดิต BBB+ ขึ้นไป โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน 4 (KTSIV6M4 ) ถึงวันที่ 18 ม.ค.นี้ เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนภายในประเทศ เช่น เงินฝาก / บัตรเงินฝาก ธนาคารออมสิน ธนาคารเกียรตินาคิน และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.75%ต่อปี

ในปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการที่ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 121,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ประมาณ 58% เนื่องจากผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการบริหารกองทุนบริษัทที่สามารถให้ผลตอบแทนตามที่ได้กำหนดไว้

นายสมชัย กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.75% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ผลกระทบที่มีต่อตลาดตราสารหนี้ไทย ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาวปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2-7 basis points และเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลมีลักษณะลาดชันขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับตราสารหนี้ต่างประเทศ

ในส่วนของตราสารระยะสั้นค่อนข้างทรงตัวแต่มีโอกาสปรับลดลงเนื่องจากสภาพคล่องที่ไหลเข้ามาพักเงินในตราสารรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี โดยผลการประมูลพันธบัตรรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังคงสะท้อนถึงความต้องการลงทุนที่มีอยู่สูงซึ่งปัจจัยหนุนสำคัญคือ กระแสเงินไหลเข้าของนักลงทุนต่างประเทศ โดยนับจากต้นปี นักลงทุนต่างประเทศมีการถือครองตราสารหนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท รวมเป็นยอดคงค้าง 7.32 แสนล้านบาท หรือประมาณ 8.64% ของมูลค่าตลาดคงค้างของตราสารหนี้ที่จดทะเบียนใน ThaiBMA โดยเน้นถือครองตราสารรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี

สำหรับภาวะการลงทุนในต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนของตราสารสกุลเงินต่างประเทศปรับลดลงจากสภาพคล่องที่มีอยู่สูง แต่ผลจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ต้นทุนสุทธิการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสะท้อนอยู่ในรูปของค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงชดเชยทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทปรับลดลงไม่มากนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ