โบรกฯเชียร์"ซื้อ"DCC แนวโน้มกำไรขาขึ้น-ปันผลสม่ำเสมอ-แผนธุรกิจเชิงรุก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 13, 2013 15:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไดนาสตี้ เซรามิค(DCC)จัดเป็นหุ้นพื้นฐานดี-แนวโน้มกำไรสุทธิอยู่ในขาขึ้น-ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง-จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ตามนโยบายจ่ายเงินปันผล 100% โดยปีนี้(2556)คาดผลตอบแทนจากปันผลอัตรา 6-6.5%

ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีแผนการปรับตัวได้ค่อนข้างดี จากแผนธุรกิจในปีนี้ที่มีการปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่, เพิ่ม 13 สาขาใหม่ในปี 56 และการเปิดช่องทางการขายผ่านโมเดิร์นเทรด ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นจากเดิมที่ขายผ่านร้านค้าของตัวเอง

นอกจากนี้ ยังพัฒนาสินค้าออกมาใหม่เพื่อให้แข่งขันกับกระเบื้องแกรนิตโต้ของจีน ด้วยการออกกระเบื้องเซรามิกเจียขอบขนาด 16x16 มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ราคาถูกกว่า ที่ผ่านมาทดลองตลาดบ้างแล้วได้รับการตอบรับที่ดี และปีนี้ทาง DCC ก็จะทำตลาดมากขึ้นช่วยดัน profit margin ดีขึ้นด้วย

รวมทั้งยังได้มีการปรับราคาขายขึ้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลลบต่อยอดขายของ DCC โดยยอดขายในงวดเดือนม.ค.ที่ผ่านมาเติบโต 14% เมื่อเทียบยอดขายเมื่อ ม.ค.2555 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2556 ไว้ที่ 1,436 ล้านบาท เติบโตจากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 1,255 ล้านบาท

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ    ราคาเป้าหมาย (บาท)
          บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ           65.00
          บล.ธนชาต             ซื้อ           64.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส     ซื้อ           63.00
          บล.เอเชีย พลัส         ซื้อ           62.23
          บล.ทรีนี้ตี้              ซื้อ           59.00

นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ปรับคำแนะนำหุ้น DCC ขึ้นเป็น"ซื้อ"จากเดิมแนะนำ"ถือ"เนื่องจากหุ้นตัวนี้จัดเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยปีนี้(2556)คาดว่าจะจ่ายในอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6% ซึ่งนโยบายของบริษัทฯกำหนดจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไร

ที่สำคัญคือบริษัทฯได้มีแผนการปรับตัวเพื่อรองรับอุตสาหกรรมได้ค่อนข้างดี จากแผนธุรกิจในปีนี้ที่มีการปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ การเพิ่มสาขาใหม่ และการเปิดช่องทางการขายผ่าน Modern trade ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายได้ จากเดิมที่ขายผ่านร้านค้าของตัวเองเท่านั้น

ทั้งนี้ ปีนี้(2556)บริษัทฯมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ 13 สาขา รวมทั้งสิ้นก็จะมีประมาณ 205 สาขา อีกทั้งยังมีการรับมือสินค้าของคู่แข่งกระเบื้องแกรนิตโต้จากจีน ซึ่งบริษัทฯก็ได้มีการพัฒนาสินค้าเพื่อให้แข่งขันได้ด้วยการออกกระเบื้องเซรามิกขัดขอบขนาด 16x16 มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ราคาถูกกว่า 13% ที่ผ่านมาก็ได้มีการทดลองตลาดบ้างแล้ว ก็ได้รับการตอบรับที่ดี และปีนี้ทาง DCC ก็จะทำตลาดมากขึ้น ตรงนี้ให้ profit margin ดีด้วย

นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับราคาขายขึ้น จาก 131 บาท ขึ้นเป็น 139 บาท เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งปกติการขึ้นราคาขายจะกระทบกับยอดขาย แต่ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่ากำลังซื้อที่ดีขึ้น ทำให้การขึ้นราคาขายไม่ได้ส่งผลลบต่อยอดขายของ DCC เลย และยอดขายในงวดเดือนม.ค.ที่ผ่านมาเติบโต 14% เมื่อเทียบยอดขายเมื่อม.ค.ปี 2555 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2556)ไว้ที่ 1,436 ล้านบาท เติบโต 14% จากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 1,255 ล้านบาท

ส่วนบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์แนะ"ซื้อ"หุ้น DCC โดยมองว่าน่าจะกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้งหลังจากที่กำไรกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกรอบ โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ทรงตัวในระดับ 6.0-8.0% ต่อปี

แนวโน้มกำไรสุทธิที่อยู่ในขาขึ้นและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จึงคาดว่า DCC จะสามารถคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลเอาไว้ได้ที่ 100% ของกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในปีนี้ที่อัตรา 3.6 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.5% ต่อปี

ด้าน บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น DCC มีแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นต่อบริษัทฯ โดยปัญหาการขาดแคลนรถบรรทุก และการตัดราคาของคู่แข่งได้สิ้นสุดลงแล้ว และผู้บริหาร DCC คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปีนี้ เนื่องจาก DCC ได้ปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ยจาก 128 บาท ในปี 2555 มาอยู่ที่ 139 บาท ตั้งแต่กลางเดือน ม.ค. ขณะที่ปริมาณขายยังคงเพิ่มขึ้นราว 12%y-y ในเดือน ม.ค.2556 ซึ่งทำให้ยอดขายเดือน ม.ค.เติบโตราว 14% และกำไรเติบโตราว 15%

โดยกระเบื้องเซรามิกเจียขอบ ขนาด 16x16 จะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญของบริษัทฯ สำหรับแข่งขันกับกระเบื้องแกรนิตโต้จีน เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่าซึ่งทำให้ง่ายต่อการปูพื้นกระเบื้อง และมีรูปแบบกระเบื้องและสีมากกว่า รวมทั้งราคาถูกกว่าที่ 163 บาท/ตร.ม. เมื่อเทียบกับราคากระเบื้องแกรนิตโต้ที่มีราคา 200 บาท/ตร.ม.

นอกจากนี้ ผู้บริหารยังคงมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าร้านค้าของบริษัทฯ สามารถแข่งขันกับร้านค้าโมเดิร์นเทรดได้ ส่วนกำลังการผลิตของ DCC น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 64.8 ล้าน ตร.ม. ในปี 2555 เป็น 75 ล้าน ตร.ม. ในปี 2556 จากการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรโดยไม่ต้องเพิ่มเตาเผาใหม่ นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะเพิ่มร้านค้าจากเดิม 192 สาขา เป็น 204 สาขาในปีนี้ โดย 20 สาขาจะได้รับการตกแต่งใหม่ เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ re-branding ของบริษัทฯ อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ