ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี74 (KTSUPB74) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 60%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งประกอบด้วย เงินฝากประจำ Union National Bank , เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank , ECP ค้ำประกันโดย SBER Bank และMTNออกโดย Banco Santander Brazil S.A. ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้ / ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน /บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี
และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 31 ( KTFF31 ) อายุ 1 ปี มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 87% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วย เงินฝากประจำ Union National Bank , ECP ค้ำประกันโดย SBER Bank , ECP ค้ำประกันโดย VTB Bank ,MTN ออกโดย Banco Santander Brazil S.A. ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้ /ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน / บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.25%ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรภาครัฐ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง เนื่องจากอยู่ในช่วงรอปัจจัยใหม่ เช่น แนวโน้มปัญหาเศรษฐกิจในต่างประเทศ และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.75% และคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงใน 1-3 เดือนข้างหน้า
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ประเภท 6 เดือนอยู่ระหว่าง 1.95 — 2.80 % สำหรับธนาคารขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 2.00 — 3.30% ซึ่งผลตอบแทนกองทุนของบริษัทมีโอกาสสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และไม่เสียภาษีอีกด้วย