ดังนั้น บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ฐานสมาชิกเพชรยูบิลลี่จะเพิ่มขึ้น 10% จากปัจจุบันที่มีกว่า 1 แสนราย นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าของกลุ่มลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อสินค้าเครื่องประดับเพชรเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งหมดนั้นทำให้มั่นใจเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่วางไว้ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นเป็น 43% จากระดับ 41.6% ในปี 55
บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ 500 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่อีก 12 สาขา พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อขยายสาขาร้านเพชรยูบิลลี่ในต่างประเทศ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 โดยมองเป้าหมายที่ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และอินโดนีเซีย
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวว่า ปีนี้เพชรยูบิลลี่วางยุทธศาสตร์ในการมุ่งยกระดับภาพลักษณ์ตราสินค้าไปสู่แบรนด์เพชรคุณภาพระดับโลก โดยให้ความสำคัญด้านคุณภาพเพชรจากแหล่งเพชรที่ดีที่สุดในโลกเพื่อนำมาใช้ขึ้นตัวเรือนด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด สร้างสรรค์คอลเลคชั่นสินค้าที่ตอบรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าเครื่องประดับเพชรของผู้บริโภค สะท้อนความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นในทุกคอลเลคชั่นให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ปัจจุบันพบว่าลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงพิจารณาจากดีไซน์ที่ทันสมัย และบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ณ จุดจำหน่าย ซึ่งเพชรยูบิลลี่มีความพร้อมและมีศักยภาพด้วยทีมขายที่แข็งแกร่งได้รับการอบรมให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร เพื่อให้คำแนะนำในการเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และโอกาสในการสวมใส่ ซึ่งทำให้แบรนด์เพชรยูบิลลี่มีความแข็งแกร่งและลูกค้ามีเชื่อมั่นต่อสินค้าสูงขึ้น
“ทุกวันนี้การเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไกลตัว เนื่องจากผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ ให้ความนิยมเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรในการสวมใส่เพื่อเสริมบุคลิกภาพ หรือมองหาเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลต่างๆ มากขึ้น ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจของไทยที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงขึ้น และพร้อมจับจ่ายเพื่อซื้อสินค้าเครื่องประดับเพชรที่มีคุณภาพ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ยอดซื้อสินค้าเครื่องประดับเพชรต่อคนต่อครั้งในปีนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ลูกค้าใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าต่อคนต่อครั้งประมาณ 40,000 บาท"นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 55 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีรายได้ 1,226.23 ล้านบาท กำไรสุทธิ 165.87 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค.55) ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 เม.ย.56 และจ่ายเงินปันผล 15 พ.ค.56 ขณะที่ครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.55) บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งปีอยู่ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น