บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ“ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) ราคาเหมาะสม 10.10 บาท วานนี้ ได้เข้าร่วมประชุมกับ CFO ของ TRUE และส่งผลให้มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อกลยุทธ์ และทิศทางผลประกอบการในปี 2556 ของบริษัท โดยคาดว่าต้นทุนส่วนแบ่งรายได้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 2H56 เนื่องจากสัมปทานเดิมจะหมดอายุลงในเดือน ก.ย.2556 และเป็นบริษัทแรกในกลุ่มมือถือที่หลุดพ้นจากสัมปทานเดิม ซึ่งต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้เฉลี่ยสูงถึง 25-30% โดยคาดว่าใบอนุญาตชั่วคราว หรือการประมูลคลื่น 1,800 MHZ จะมีค่าธรรมเนียมราว 5.5% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับใบอนุญาต 3G บนคลื่น 2,100 MHz
ดังนั้น บริษัทจึงไม่ต้องพึ่งพิงการโอนย้ายฐานลูกค้าจาก 2G มายัง 3G เพื่อลดต้นทุนค่าธรรมเนียม ซึ่งแตกต่างกับ ADVANC และ DTAC ที่สัญญาสัมปทานจะหมดอายุลงในปี 2558 และ 2560 ตามลำดับ จึงต้องเร่งโอนย้ายลูกค้ามายัง 3G เพื่อลดต้นทุน และเชื่อว่าจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดของ ADVANC และ DTAC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าย้ายมายังโครงข่ายใหม่
นอกจากนี้ เชื่อว่า Truemove H จะรุกแย่งส่วนครองตลาดได้มากขึ้นในปีนี้ หลังคาดว่าจะได้รับเบอร์ใหม่จาก กสท.อีกราว 4 ล้านหมายเลข ส่งผลให้ปัญหาเลขหมายขาดแคลนในปี 2555 ได้รับการแก้ปัญหาแล้ว โดยเราคาดว่ายอดผู้ใช้บริการมือถือของ TRUE จะแซงหน้า DTAC และขึ้นสู่อันดับ 2 ภายในสิ้นปี 2556 ได้สำเร็จ
รวมทั้ง ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ในระยะ 6 เดือน ข้างหน้า จากทางเลือกในการระดมทุนที่เป็นบวกต่อผู้ถือหุ้นเดิม เช่น การร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ และการออก Infrastructure Fund ของบริษัทลูกที่ทำธุรกิจเสาโทรคมนาคม และช่วยลดความกังวลของตลาดต่อการเพิ่มทุน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะบริษัทมีทางเลือกอื่นๆที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า