(เพิ่มเติม) SSC ตั้งงบลงทุน 1.1 พันลบ.ออกเครื่องดื่มใหม่ เดินหน้าซื้อกิจการเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 18, 2013 16:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสริมสุข (SSC)เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศแผนธุรกิจในทศวรรษที่ 7 จัดงบลงทุนกว่า 1.1 พันล้านบาทเพื่อเติมเต็ม portfolio ให้ครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยมีแผนขยายสายการผลิตครื่องดื่มใหม่ 2 สาย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม 25% และเพิ่มกำลังการผลังผลิตน้ำอัดลมในบรรจุขวดเพ็ท 30% รองรับตลาดที่เติบโต

รวมถึงลงทุนพัฒนาประสิทธิภาพระบบการการผลิตและซัพพลายเชนทั้งระบบ โดยเร่งสปีดการผลิตและการขนส่งสินค่าให้เร็วขึ้นและทั่วถึงในราคาที่ต่ำลง อีกทั้งลงทุนด้านการปฎิบัติการขาย โดยเพิ่มศักยภาพด้านปฎิบัติการขายให้สูงขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดจำหน่ายและเพิ่มยอดขายให้ประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงาน 5 แห่ง ปทุมธานี ธนบุรี นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี และ นครราชสีมา

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเสนอเครื่องดื่มใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้นในปีนี้ หลังจากได้ซื้อกิจการของ บริษัท เครื่องดื่มแรงเยอร์ (2008) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง แรงเยอร์และพาวเวอร์พลัส มูลค่า 248 ล้านบาทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งเป้าที่จะมียอดขายในปีแรก 1 พันล้านบาท เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมูลค่าตวาดรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นายฐิติวุฒิ์ กล่าวว่า ในปี 56 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 55 ที่มีรายได้ 2.32 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการปรับพอร์ตการขายใหม่ โดยรายได้จากเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมจะคิดเป็น 50% จากรายได้รวม จากเดิมอยู่ที่ 70% โดยจะมีสัดส่วนรายได้จากเครื่องดื่มชูกำลัง น้ำดื่ม และประเภทอื่นๆ มากขึ้น เนื่องจากมีเครื่องดื่มที่หลากหลายขึ้น

บริษัทคาดว่าในปีนี้เครื่องดื่ม"เอส"จะทำรายได้ 8 พันล้านบาท หลังจากช่วง 2 เดือนแรกของการเปิดตัว(พ.ย.-ธ.ค.55) มียอดขายราว 1 พันล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% จากปัจจุบันเพียง 5 เดือนแรกของการเปิดตัวมีส่วนแบ่งการตลาดแล้ว 19%

ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้ คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะลดลงจากปี 55 หรือไม่ โดยเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท หรือเติบโต 990% จากปี 54 แต่การที่บริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำอัดลม"เอส"เองจะมีมาร์จิ้นที่ดีกว่าการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายให้กับเป๊ปซี่ แต่เนื่องจากเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 50% จึงอาจทำให้รายได้ในส่วนนี้หายไป และการผลิตน้ำอัดลมเองยังต้องใช้เวลา ต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมอีก

นายฐิติวุฒิ์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนในการซื้อกิจการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในแผนธุรกิจ เข้ากับจุดแข็ง หรือเครือข่ายระบบการขายและสายส่ง ซึ่งในปีนี้อาจได้เห็นความชัดเจนมากขึ้น เพราะขณะนี้มีผู้ยื่นข้อเสนอเข้ามาหลายราย

"เราไม่ได้มีเงื่อนไขธุรกิจ แต่หากอะไรน่าสนใจ อยู่ในไลน์ธุรกิจของเรา ตอนนี้มี choice เยอะไปหมด"นายฐิติวุฒิ์ กล่าว

ด้านนายปริญญา เพิ่มพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด SSC กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเปิดแบรนด์แรกของเครื่องดื่มชูกำลัง"แรงเยอร์"หลังการเข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 15 ล้านขวด หรือ 1 พันล้านบาทในปีแรก หรือภายในสิ้นปีนี้ต้องมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 5% และมียอดขายที่ 30 ล้านขวดภายใน 3 ปี และภายใน 5 ปี มีส่วนแบ่งการตลาด 20% หรือขึ้นเป็นอันดับ 2 ในตลาด จากปัจจุบันอันดับ 1 มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 48% โดยปีนี้ตั้งงบทำการตลาดเครื่องดื่มแรงเยอร์ที่ 100 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ