ในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากงาน Ichthys Onshore LNG - Module ราว 25-30% จากมูลค่างานทั้งหมด 22,555 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้จากงาน QC LNG-Module ราว 25-30% ของมูลค่างานทั้งหมด 3,280 ล้านบาท ประกอบกับจะรับรู้รายได้งาน Australia Pacific -Piping ราว 75-80% ของมูลค่างานทั้งหมด 1,220 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทจะมีกำไรเติบโตเป็นปกติ เนื่องจากในปีก่อนบริษัทฯ ได้มีการปรับราคา QC LNG - Modul ขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ในปีนี้มีกำไรขึ้นต้นอยู่ที่ประมาณ 25-30%
บริษัทจะเข้าประมูลงานเพิ่มอีกประมาณ 12 โครงการ มูลค่าทั้งหมดประมาน 6-7 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น LNG Projects ใน Australia มูลค่า 2-2.3 หมื่นล้านบาท คาดจะได้รับงานราว 50% ซึ่งจะรู้ผลชัดเจนในปลายปี 56, งาน LNG Projects มูลค่า 1-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในช่วงปลายปี 56 และงาน LNG Project in Mozambique มูลค่า 1-1.5 หมื่นล้านบาท
รวมทั้ง โครงการ Refinery Project ใน UAE มูลค่า 3-4.5 พันล้านบาท, งาน LNG Project ใน Australia มูลค่า 400-500 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลในไตรมาส 2/56, งาน Additional work for Ichthys มูลค่า 400 ล้านบาท, โครงการ Refinery ใน Denmark มูลค่า 300 ล้านบาท, โครงการ LNG Project ใน Australia มูลค่า 600 ล้านบาท, โครงการ Mining Project ใน Australia มูลค่า 300 ล้านบาท, โครงการ Power Plant ใน Japan มูลค่า 300 ล้านบาท, โครงการ Steel Mill ใน Vietnam มูลค่า 300 ล้านบาท และ Steel Mill ใน South Africa มูลค่า 450 ล้านบาท นางสาวเปรมภาว์ กล่าวว่า งานการก่อสร้างโรงงานแยกก๊าซ LNG ในต่างประเทศยังมีโครงการใหม่ๆอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย ขณะที่คู่แข่งของไทยทั้งเกาหลี จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียนั้น ในเกาหลีปัจจุบันก็ค่อนข้างจะเต็มกำลังการผลิตแล้ว ในส่วนของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ด้านภูมิประเทศของไทยยังได้เปรียบมากกว่า เพราะมีปัญหาภัยธรรมชาติไม่มากนัก