ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 90.54 จุด หรือ 0.63% ปิดที่ 14,512.03 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.09 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 1,556. 89 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 22.40 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ระดับ 3,245.00 จุด
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.1% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.24% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.13%
นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากวิกฤตการณ์ไซปรัส โดยล่าสุดนายคริสตอส สไตลิอานิเดส โฆษกรัฐบาลไซปรัสเรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติลงมติรับรองมาตรการฉุกเฉินที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจและการเงิน
"อนาคตของประเทศจะถูกกำหนดในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า" โฆษกรัฐบาลกล่าว "ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การตัดสินใจใดๆก็ตามจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่ประเทศจะต้องปลอดภัย ... เราทุกคนต้องรับผิดชอบ"
การออกโรงอ้อนวอนของโฆษกรัฐบาลไซปรัสมีขึ้นในขณะที่รัฐสภากำลังเตรียมที่จะจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่ออภิปรายร่างกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุนของภาคธนาคาร
หนึ่งในร่างกฎหมายดังกล่าวจะเปิดทางให้มีการจัดตั้งกองทุน Investment Solidarity Fund ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนให้ได้ 5.8 พันล้านยูโร (7.48 พันล้านดอลลาร์)
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไซปรัสลง 1 ขั้น สู่ระดับ "ขยะ" หลังจากรัฐสภาไซปรัสได้ปฏิเสธมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากในระบบธนาคาร ซึ่งส่งผลให้ไซปรัสเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้
ทั้งนี้ เอสแอนด์พีได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของไซปรัสลงจากระดับ CCC+ มาอยู่ที่ระดับ CCC และให้แนวโน้มเป็นลบ
เอสแอนด์พีเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไซปรัสลงอีก หากไซปรัสไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินในเร็วๆนี้
หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 11.06% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 55% หุ้นทิฟฟานีดีดตัวขึ้น 1.94% หุ้นแอปเปิลดีดขึ้น 2.03%
อย่างไรก็ตาม หุ้นแบล็คเบอร์รี่ ร่วงลง 7.74% หลังจากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ BlackBerry Z10 ได้รับการตอบรับไม่มากนักจากลูกค้าในสหรัฐ