(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขึ้นต่อ มองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย-กำไรบจ.หนุน

นอกจากนั้น ยังมี sentiment เข้ามาช่วยในระยะสั้นที่ให้น้ำหนัก 2 เรื่อง คือ ปัจจัยในประเทศ การจัดการค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพมากขึ้น หรือหากยังแข็งค่าก็คงเป็นไปอย่างผันผวนรวดเร็ว น่าจะต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งตลาดยังจับตามาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หรือกระทรวงการคลังจะดำเนินการต่อไป

ส่วนปัจจัยนอกประเทศนั้น ญี่ปุ่นมีสัญญาณของการหลุดพ้นจากภาวะเงินเฟ้อที่กินเวลามากว่า 15 ปี เป็น sentiment เชิงบวกเช่นกัน โดยเฉพาะจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งไทยก็เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน

ทั้งนี้ ให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีวันนี้ 1,555-1,565 และ 1,570 จุด แนะกลยุทธ์ถ้าเป็นนักเก็งกำไรให้เป็นลักษณะขึ้นขาย-ลงซื้อ แต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาวให้ทยอยซื้อ โดยเฉพาะหากมีการอ่อนตัวระหว่างวัน

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ล่าสุด(22 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,567.17 จุด เพิ่มขึ้น 19.66 จุด(+0.14%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,562.50 จุด เพิ่มขึ้น 7.25 จุด(+0.47%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,233.55 จุด เพิ่มขึ้น 27.50 จุด(+0.86%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 22.77 จุด ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 14.46 จุด ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.88 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.62 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.30 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 2.30 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้ (22 เม.ย.)ที่ 1,559.10 จุด เพิ่มขึ้น 13.64 จุด(+0.88%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,150.04 ล้านบาท วานนี้
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ ที่ 88.76 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.75 ดอลลาร์ฯ
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(22 เม.ย.)ที่ 5.36 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 28.73/75 อ่อนค่าต่อเนื่อง จับตาทุนไหลเข้า-ตัวเลขศก.สหรัฐ
• ธปท.ระบุรอประเมินตลาดเงินปรับตัว ก่อนออกมาตรการหลังค่าบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ชี้ค่าเงินแข็งค่าเร็วและเกินปัจจัยพื้นฐาน ด้านค่าบาท/ดอลลาร์อ่อนตามภูมิภาค กังวลมาตรการแทรกแซงตลาด ขณะกลุ่มชิ้นส่วนเตรียมนำเข้าทดแทนผลิตในประเทศ หอการค้าหวังมีมาตรการที่ชัดเจนออกมา
• บอร์ดธนานุเคราะห์ ประชุม 24 เม.ย.นี้หามาตรการรับมือทองคำร่วง รับโรงรับจำนำรัฐ34แห่งขาดทุนหนัก เตรียมลดราคารับจำนำใหม่ ระบุเป็นธุรกิจช่วยคนจนต้องรับความเสี่ยง สั่งโรงรับจำนำชะลอขายทรัพย์สินทอดตลาด คาดมีทองคำหลุดจำนำช่วงนี้กว่า1,000 ล้านบาท ขณะที่โรงรับจำนเอกชนโอดขาดทุนหนักหวั่นลูกค้าหนีไถ่ถอน "คลาสสิก โกลด์" มองราคาทองครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.5 พันดอลลาร์ต่อออนซ์ คาดอีก 1-2 ปี ราคาทองจะกลับไปที่ 1.7 พันดอลลาร์ต่ออนซ์
• สยามแม็คโครขอตลาดฯระงับซื้อขายหุ้น2 วันก่อนประกาศข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญ หลังกระแส "ขายกิจการ" แรง โบรกเกอร์คาด "ซีพีออลล์" ประมูลซื้อราคาหุ้นละ 800 บาทกองทุนแห่ทิ้งหุ้นซีพีออลล์ กดหุ้นร่วงเกือบ 6% หนีความเสี่ยงเพิ่มทุนก้อนโต ระบุซีพีออลล์มีเงินสดในมือแค่ 2.3 หมื่นล้าน แนะเลี่ยงลงทุนช่วงนี้ ด้านวงในค้าปลีกเผยศักยภาพธุรกิจแม็คโคร "ไร้คู่แข่ง"
• สำนักงานประมาณ เสนอ ครม.วันนี้อนุมัติวงเงินงบประมาณปี 2557 รายกระทรวง สูงถึง 2.7 ล้านล้านบาท เผย "ศึกษาฯ-สาธารณสุข-กลาโหม และมหาดไทย" ตั้งยอดพุ่งเกินแสนล้าน พร้อมกันงบกลางอีก 3 แสนล้าน ขณะที่ยอดรวมขอสูงกว่า 3 ล้านล้านบาท เล็งเสนอสภาสมัยประชุมหน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

• KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้าหมาย 30.00 บาท กำไรสุทธิ 1Q56 ที่ 8.5 พันล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ เกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงกว่าคาดเป็นหลัก ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ยังเชื่อว่าภาพรวมการเติบโตคงสดใสในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างจังหวัดและโครงการลงทุนภาครัฐ ขณะที่ Valuation ณ ปัจจุบัน ยังไม่แพง
• CPALL(ทิสโก้)"ซื้อ"เป้าหมาย 52 บาท(DCF) หาก CPALL จะซื้อ MAKRO ที่ราคาตลาด 682 บาท CPALL มีความจำเป็นที่จะต้องหาเงินสดเพิ่ม หากทั้ง CPALL และ MAKRO เป็นธุรกิจที่ไม่มีหนี้สินธนาคารจะสามารถปล่อยกู้ได้ 5-6 เท่าของ EBITDA ของ CPALL และ MAKRO รวมกันและทำให้ D/E ของ CPALL เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า มีผลประโยชน์ร่วมจะมาจากเงื่อนไขทางการค้าและวอลุ่มการซื้อสินค้า
• DCON(ฟินันเซียไซรัส)"ซื้อ"เป้าหมาย 15 บาท คาดกำไรใน 1Q13 จะทำ new high ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ 44 ล้านบาท +2% Q-Q, +42% Y-Y จากความต้องการวัสดุก่อสร้างที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด รวมทั้งปรับราคาขายขึ้นตั้งแต่กลางมี.ค. และยังมีรายได้จากการโอนบ้าน‘Dzio’ราชพฤกษ์ แนวโน้มไตรมาสถัดไปยังดีต่อเนื่อง เพราะจะได้ประโยชน์เต็มไตรมาสจากราคาขายที่ปรับขึ้น และในครึ่งปีหลังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 24% คงคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 23% และปีหน้าโต 37%
• JAS(ทิสโก้)"ซื้อ"เป้า 8.50 บาท คาดว่าผลประกอบการ 1Q56F ของ JAS จะอยู่ที่ 668 ล้านบาท (EPS 0.093) เพิ่มขึ้น 44% YoY และ 15% QoQ จากการเติบโตของธุรกิจบรอดแบรนด์, ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจาก Economies of Scale และฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ในส่วนของงบดุลมีหนี้สินที่ลดลงและไม่มีรายการพิเศษ