DRT เล็งเริ่มขายอิฐมวลเบาเร็วกว่าคาด 1 เดือน คาดทำยอดขาย 300 ลบ.ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 23, 2013 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีความพร้อมเดินเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบาในเชิงพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร วางจำหน่ายสินค้าได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเดินเครื่องจักรและผลิตสินค้าอิฐมวลเบาได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน

สำหรับเป้าหมายการทำตลาดอิฐมวลเบาตราเพชร คาดว่าจะทำยอดขายได้ 300-400 ล้านบาทได้ในปีนี้ ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญที่มีผลต่อยอดขายในปีนี้เติบโตได้ 10% ตามเป้าที่วางไว้และในปีถัดไป คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จากอิฐมวลเบาตราเพชรเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ DRT ที่จะเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

“หลังจากเราได้ใช้เงินลงทุน 595 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรผลิตอิฐมวลเบา มีกำลังการผลิตรวม 3,700,000 ล้านตารางเมตรต่อปีนั้น ขณะนี้เราพร้อมเดินเครื่องจักรผลิตอิฐมวลเบาตราเพชร (Diamond Block) เชิงพาณิชย์ได้เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้จากสายการผลิตอิฐมวลเบาตราเพชรเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกัน ยังส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ตราเพชร มียอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น จึงมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งแน่นอน" นายสาธิต กล่าว

ทั้งนี้ แผนทำตลาดและจัดจำหน่ายสินค้านั้น บริษัทฯ จะใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายของ DRT ที่แข็งแกร่ง ทั้งตัวแทนจำหน่ายและร้านค้ารายย่อย รวมถึงร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ ที่มีสาขารวมกันกว่า 6,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่ตลาดทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ จะสื่อสารสารความเข้าใจถึงจุดเด่นผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาที่มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อนจากภายนอก ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถึง 25% และงานก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้นให้แก่กลุ่มลูกค้าได้รับรู้ เพื่อกระตุ้นการซื้อและนำอิฐมวลเบาไปใช้ก่อสร้างผนังทดแทนการใช้อิฐมอญมากขึ้น

“การเข้ามาทำตลาดอิฐมวลเบาในครั้งนี้ เราเน้นกระตุ้นให้เกิดการใช้อิฐมวลเบาแทนการใช้อิฐมอญในงานก่อสร้าง โดยชูคุณสมบัติเด่นของสินค้าที่ช่วยกันความร้อน ลดค่าไฟฟ้า และช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างที่ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น ส่งผลดีต่อต้นทุนการก่อสร้างโดยรวม ซึ่งจากแนวทางดังกล่าว จึงมั่นใจว่า จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้อิฐมวลเบาให้มีอัตราการขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง" นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวถึงภาพรวมความต้องการสินค้าอิฐมวลเบาในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 20-25% หรือคิดเป็น 15% จากตลาดผนังรวมทุกวัสดุก่อสร้างมูลค่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าตลาดอิฐมวลเบายังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นิยมใช้อิฐมวลเบามาก่อสร้างผนังแทนอิฐมอญเพื่อลดระยะเวลาและต้นทุนด้านการก่อสร้าง ขณะที่กลุ่มลูกค้าทั่วไปหันมานิยมนำอิฐมวลเบาไปใช้ก่อสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ดังนั้น การเข้ามาทำตลาดอิฐมวลเบาตราเพชรในช่วงนี้ จึงถือเป็นจังหวะดีที่เข้ามากระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้อิฐมวลเบาเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างผนังมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ