(เพิ่มเติม) ลีสซิ่งกสิกรไทย เผย Q1/56 ปล่อยสินเชื่อ 2.11 หมื่นลบ.โต 20.5%จาก Q1/55

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 30, 2013 15:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 56 บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 21,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว 3,590 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.49% แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ใหม่ 9,077 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสแรกปีก่อน 398 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.58% และเป็นสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floor Plan) 12,032 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าไตรมาสแรกปีก่อน 3,192 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.1% และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 23.4%

ขณะที่สินเชื่อคงค้างในระบบ (Outstanding Loan) ของบริษัท อยู่ที่ 84,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,505 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกของปี 55 โดยมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 0.79% ต่ำกว่ายอด NPL ไตรมาสแรกปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 0.97% และต่ำกว่า NPL เป้าหมายซึ่งตั้งไว้ที่ระดับ 0.81% ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 1/56 มีกำไร 123 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 43.70%

ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 56 สินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่มีจำนวนถึง 412,680 คัน โดยคาดว่าภายในไตรมาส 2/56 จะมีการส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถคันแรกได้เกือบทั้งหมด ทำให้ยอดขายส่วนใหญ่ประมาณ 2 ใน 3 ในปีนี้จะเกิดขึ้นภายในครึ่งแรกของปี

ขณะที่ยอดขายรวมในปี 56 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคัน ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระบบสถาบันการเงินในปี 56 จะขยายตัวในทิศทางที่ชะลอลงเป็นประมาณ 20-25% เทียบกับอัตราการขยายตัว 34% ในปี 55 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวราว 27-33%

เหตุผลดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ต่างเตรียมรับมือกับภาวะสินเชื่อใหม่ที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะปรากฏชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 56 ทั้งปัจจัยจากการส่งมอบรถยนต์ที่ชะลอตัว และจากฐานเปรียบเทียบที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ต้องขยายขอบเขตธุรกิจไปยังตลาดใหม่ อาทิ ตลาดสินเชื่อรถแลกเงิน และการรุกขยายสินเชื่อรถยนต์เฉพาะประเภทมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายอื่น ต่างขยายตลาดของตนให้กว้างขึ้น ทั้งด้านเครือข่ายบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัด และด้วยการรุกตลาดประเภทอื่น เช่น สินเชื่อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อรถมือสอง และสินเชื่อรถแลกเงิน เป็นต้น

นายอิสระ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนยอดสินเชื่อรถกระบะให้มีความใกล้เคียงกับเสินเชื่อรถยนตร์ธรรมดา เนื่องจากกำไรสูงกว่าราว 0.6-0.8% อีกทั้งรถกระบะมีตลาดที่ใหญ่มากในประเทศ มีอัตราการใช้รถกระบะในต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมองว่ายังมีช่องว่างในการเติบโตของสินเชื่อรถกระบะอีกมาก โดยไตรมาส 1/55 สัดส่วนยอดสินเชื่อรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็น 25-27%

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายกำไรในปีนี้ไว้ที่ 468 ล้านบาท

“เรามองแนวโน้มถ้ากนง.มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จะทำให้ครี่งปีหลังมีสัญญาณที่ค่ายรถยนตร์และดีลเลอร์ต่างๆจะมีการแข่งขันกันในเรื่องดอกเบี้ยมากขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังความต้องการซื้อรถยนต์ที่แท้จริงของประชาชนเริ่มลดลง จากการสิ้นสุดโครงการรถยนตร์คันแรก ทำให้ค่านรถยนตร์หรือตัวแทนจำหน่ายรถยนตร์ต้องมีการออกกลยุทธ์ทางการตลาดออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขาย และก็จะมีการเสนอกับลีสซิ่งเพื่อที่จะเสนอโปรโมชั่นเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่จะเป็นสื่งที่สามารถจูงใจให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อรถมากขึ้น"นายอิสระ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ