(เพิ่มเติม) UOBKH ขายหุ้น US 93.47% ให้กลุ่ม"ประพล มิลินทจินดา"ที่ 5.934 บ./หุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 30, 2013 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.ยูไนเต็ด(US) แจ้งว่า บริษัทได้รับแจ้งจาก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) หรือ UOBKH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทว่า UOBKH ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับนายประพล มิลินทจินดา และกลุ่มบุคคลจำนวน 157,796,396 หุ้น คิดเป็นจำนวน 93.47% ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท
โดยราคาที่ชำระเป็นจำนวนเท่ากับ 936,370,251.12 บาท โดยคิดเป็นราคาราคาซื้อขายต่อหุ้นเท่ากับ 5.934 บาท

ทั้งนี้ นายประพล จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทและมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ และการจำหน่ายไปซึ่งสิทธิของการเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวม โดยบริษัทฯจะทำการโอนสิทธิการเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้แก่ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน

เนื่องจาก ธุรกรรมมีขนาดร้อยละ 0.20 เมื่อคำนวณตามหลักเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนที่ชำระให้หรือได้รับ เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงไม่จำต้องเปิดเผยรายการต่อตลาดหลักทรัพย์ตามประกาศเกี่ยวกับการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน

นอกจากนี้ บริษัทได้รับแจ้งจากนายประพล ตามที่ระบุในหนังสือเกี่ยวกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท ลงวันที่ 30 เม.ย.56 โดยรายละเอียดของแผนการดำเนินธุรกิจ สรุปได้ดังนี้ คือ 1. จะดำเนินการเตรียมยื่นเอกสารขั้นตอนเพื่อกลับเข้าดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ใหม่ตามใบอนุญาตทั้ง 5 ใบที่บริษัทฯมีอยู่เดิมในช่วงตกแต่งสถานประกอบการแห่งใหม่ให้เสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อนุมัติคู่มือ

2. บริษัทฯ จะดำเนินการรับสมัครทีมผู้บริหารและพนักงานทุกระดับที่มีประสบการณ์สูงในธุรกิจนี้เข้ามาให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดดำเนินการที่คาดว่าจะภายในเดือนที่ 4

3. ทีมผู้บริหารจะให้ความสำคัญทั้งธุรกิจค้าหลักทรัพย์ ตัวแทนนายหน้า และธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน ควบคู่กันไป

4. บริษัทฯ จะเจาะตลาดที่เป็นลูกค้ารายกลางและรายใหญ่ในช่วงแรก และจะขยายสาขาไปตามจุดต่างๆที่มีศักยภาพไม่ว่า กทม หรือ ต่างจังหวัด โดยทีมงานในพื้นที่ที่เข้าถึงลูกค้าในเขตนั้น ๆ ภายในระยะเวลา 1 ปี

5. บริษัทฯจะให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และข้อมูลการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้ารวมถึงนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่จะมาใช้บริการของบริษัทฯในอนาคต ด้วยการจัดสัมมนากลุ่มย่อยเป็นระยะ ๆ โดยทีมงานวิจัยที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับทีมบริการของเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการลงทุน (Investment advisor)

6. บริษัทฯ จะพัฒนาธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน (Investment banking) และธุรกิจรับประกันการจำหน่าย (Underwriting) ภายในสิ้นปี 2013 นี้เพื่อรองรับธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินที่กำลังขยายตัวอย่างมากในปัจจุบันโดยจะรับทีมงานที่มีความสามารถและประสบการณ์สูง มารองรับธุรกรรมนี้ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างมากในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน (IPO) และ การควบรวมกิจการ (M&A) เป็นต้น

7. บริษัทฯ ยังมีแผนการในการยื่นขอใบอนุญาตทำ ที่ปรึกษาการลงทุนแบบ Private Fund และศึกษาช่องทางการออกไปดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ในประเทศใกล้เคียง อีกทั้งมองหาพันธมิตรทางธุรกิจจากต่างประเทศควบคู่กันไปเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุนในระยะยาวและต่อยอดธุรกิจในอนาคต

8. บริษัทฯ จะไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจการให้บริการตัวแทนนายหน้าค้าหลักทรัพย์ทั้งตลาดตราสารทุน (Equity)และตลาดตราสารอนุพันธ์ (Derivative) โดยการพัฒนาบริการต่างๆให้ทันสมัยและสะดวกรวดเร็ว และพร้อมจะลงทุนในระบบเทคโนโลยี่ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าว่า "ทำไมต้องเลือกใช้บริการของเราเท่านั้น"

ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการโอนธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวม และการโอนสิทธฺการเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้แก่ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน โดยบริษัทประมาณการว่าจะมีรายได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์และรายได้อื่นตามที่ได้ชี้แจงข้างต้นและหลังจากนั้น บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์และนายหน้าค้าหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือน ส.ค.56 เป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ