ขณะเดียวกันหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด SIRI และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็จะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 29 พ.ค.นี้
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 6.00
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 5.85
บล.เอเชียพลัส ซื้อ 5.30
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 5.00
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 4.40
น.ส.เติมพร ตันติวิวัฒน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/56 ที่ขาดทุน ซึ่งทำให้ตลาดผิดหวัง และเป็นปัจจัยสะท้อนการบริหารจัดการของบริษัทที่ด้อยกว่ากลุ่ม ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงจะได้มาซึ่งยอด Presales แต่เป็นยอดที่มีความเสี่ยงซ่อนอยู่ ซึ่งมาจากยอดคอนโดมิเนียมซึ่งมีโอกาสยกเลิกสูง นอกจากนี้ส่วนที่เราเริ่มให้น้ำหนักความเสี่ยงมากขึ้นคืออัตราการทำกำไรและดอกเบี้ยจ่ายของปีนี้ที่แย่กว่าคาด
ขณะที่ SIRI มี Backlog ในมือราว 5.9 หมื่นล้านบาท เป็นยอดมาจากคอนโดมิเนียม 88% บ้านเดี่ยว 10% และทาวน์เฮาส์ 2% โดยเป็นยอดที่จะบันทึกในปีนี้ราว 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยบันทึกรายได้ถึงปี 60 ซึ่งเป็นช่วยหนุนการเติบในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตาม SIRI ยังคงเป้าโครงการใหม่ของปีนี้ จำนวน 45 โครงการ มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท และล่าสุดเปิดไปแล้วไม่น้อยกว่า 21 โครงการมูลค่า 31,000 ล้านบาท และในปีนี้ ยังคงเน้นการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด กลุ่มแบรนด์ D Condo ซึ่งในไตรมาส 3/56 คาดเปิดไม่น้อยกว่า 7 โครงการใน 7 จังหวัด
นอกจากนี้มองโอกาสเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ทั้งกลุ่ม และฐานลูกค้าขนาดกลางและล่าง ที่มีความอ่อนไหวเรื่องดอกเบี้ยจะเพิ่มเข้ามากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้รับประโยชน์
“ถ้าหากกนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นอสังหาฯทั้งกลุ่ม และจะมีฐานลูกค้าในตลาดกลางและตลาดล่างที่มีความอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยเข้ามาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งส่งผลดีต่อกลุ่มอสังหาฯ แต่ก้ต้องดูว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเท่าไหร่ และ MLR จะลดลงเป็นเท่าไร่ด้วย"น.ส.เติมพร กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่ารายได้และผลประกอบการของ SIRI จะฟื้นตัวในไตรมาส2/56 แต่ผลประกอบการที่ขาดทุนสะท้อนการบริหารจัดการที่มีด้อยกว่ากลุ่ม ประกอบกับบริษัทยังคงมีความเสี่ยงเรื่องฐานะการเงินที่มีหนี้สินต่อทุน (DE ratio) สูงถึง 2.2 เท่า เราจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมายใหม่เท่ากับ 4.40 บาท
บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 5 บาท เนื่องจากจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการทยอยรับรู้มูลค่างานในมือเพิ่มขึ้นในโดยเฉพาะในไตรมาส 4/56 แม้ว่าในไตรมาส 1/56 SIRI จะขาดทุน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี มาจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหัวเมืองหลัก ซึ่งมองว่าเป็นการวางรากฐานไว้ในอนาคต แต่ก็ทำให้ยอด Presale ในไตรมาส 1/56 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบัน SIRI มียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่กว่า 6.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/56 โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้สูงถึง 2.45 หมื่นล้านบาท
“สิ้นไตรมาส 1/56 SIRI มียอดขายรอโอนอยู่ราว 6.2 หมื่นล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้สูงถึง 2.45 หมื่นล้านบาท สำหรับแนวโน้มปี 56 เราคาดว่า SIRI จะมีรายได้ประมาณ 3.57 หมื่นล้านบาท โดยผลประกอบการจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาส 1 ก่อนที่จะโดดเด่นเป็นพิเศษในช่วงไตรมาส 4 โดยเราคาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.91 พันล้านบาท เติบโตถึง 29%" นักวิเคราะห์ กล่าว
นอกจากนี้ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นจริงจะทำให้ Sentiment โดยรวมของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดูดีขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับอัตราในการปรับลด ถ้าลดลง 0.25% ก็ไม่มีผลกระทบมาก แต่ถ้าลดลง 0.50% ก็จะเห็นผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างชัดเจน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน แนะนำ “ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.85 บาท แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/56 จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 84 ล้านบาท มาจากการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงถึง 1.6 พันล้าน หรือเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเมื่อเทียบกับยอดขายคิดเป็นสัดส่วนที่ระดับ 33% ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นผลประกอบการที่ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2/56 โดยคาดว่าจะเห็นรายได้ราว 6-7 พันล้านบาท และในไตรมาส 3/56 และไตรมาส 4/56 จะเห็นรายได้ 2.4 หมื่นล้านบาท มาจากการโอนคอนโดใหม่ประมาณ 10 แห่ง มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง จากการทยอยเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ในไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 ซึ่งคิดเป็น 55% ของมูลค่ารวม 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/56 คิดเป็น 45% ในไตรมาสเดียว โดยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจะเห็นเพียงในไตรมาส 1/56
ขณะที่มูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ราว 2 หมื่นล้านบาท และในปี 57 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท และอีกราว 2 หมื่นล้านบาทจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 58-59 อีกทั้งการปรับตัวของสินค้าใหม่และการขยายโครงการไปในต่างจังหวัดจะสามารถช่วยสร้างยอดขายได้ในอนาคต
ส่วนมุมมองของในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงนั้นจะส่งผลให้มีจิตวิทยาในเชิงบวกทำให้มีแรงซื้อเพิ่มมากขึ้นในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ขอสินเชื่อมองว่าอัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้มีการจ่ายดอกเบี้ยไม่มาก ซึ่งเป็นผลบวกทางจิตวิทยาในช่วงสั้นเท่านั้น
ด้านบล.เอเชียพลัส แนะนำ “ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท จากการประมาณการผลประกอบการในไตรมาส 2/56 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร หลังขาดทุนในไตราส 1/56 โดยทิศทางรายได้ในไตรมาส 2/56 จะเพิ่มเป็น 7 พันล้านบาท จากสัดส่วนคอนโดที่สูงขึ้น หลังจากไตรมาส 1/56 ชะลอการส่งมอบเพื่อเก็บงานให้ลูกค้าที่โอนไปเมื่อปีก่อน นอกจากนี้ยังคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3/56 และไตรมาส 4/56 จะเพิ่มเป็น 9,000-10,000 ล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากจะมีโครงการคอนโด 10 โครงการใหม่ที่จะสร้างเสร็จในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้กำไรในช่วงครึ่งปีหลังของ SIRI โดดเด่น