ประกอบกับ AAV ได้เพิ่มเที่ยวบินให้ถี่ขึ้นและขยายฝูงบินเพิ่มขึ้น รวมถึงจะเปิดตัว Air Asia X เที่ยวบินระยะไกลของ Air Asia ที่คาดว่าจะเปิดตัวก่อนสิ้นปี 56 ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารในเส้นทางบินจากยุโรปและอื่นๆ ที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจกับไทยจะขนส่งผู้โดยสารมาให้ AAV เพิ่มขึ้น
ขณะที่โบรกเกอร์บางแห่งมองว่ากำไรทรงตัวและผลประกอบการกลับมาอ่อนตัวลงในไรมาส 2/56 จึงแนะ"ถือ"หรือ"ขาย"
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เคจีไอ ซื้อ 8.40 บล.ไอร่า ซื้อ 8.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 7.60 บล.ธนชาต ถือ 6.30 บล.ทรีนีตี้ ถือ 6.80 บล.กรุงศรี ขาย 5.30 บล.เมย์แบงค์ กิมเอ็ง ขาย 6.20นายสุเทพ อัมฤทธิ์ซิงห์ นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า AAV จะมีอัตราการเติบโตที่เหนือกว่าคู่แข่งที่เป็นสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาค ซึ่งสัดส่วนของสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศไทยยังไม่มากนัก ขณะที่บริษัทก็ไม่ได้เผชิญกับคู่แข่งที่น่ากลัวในตลาดไทย ทำให้เรามองว่าราคาหุ้นตัวนี้สมควรที่จะซื้อขายโดยมี premium บ้าง
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ AAV จะเติบโตอย่างมากในช่วงปี 56-58 ตามการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโตขึ้น การเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินเพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น บวกกับการขยายฝูงบินเชิงรุก ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 18% ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสายการบินต้นทุนต่ำยังมีส่วนแบ่งในตลาดประเทศไทยค่อนข้างต่ำ
"เราคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปีจะสูงอย่างน่าประทับใจที่ 21% จากการย้ายฐานไปบินที่ดอนเมือง และการขยายฝูงบิน และจากปัจจัยสนับสนุนของอุตสาหกรรมโดยรวม รวมถึงเรามองว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของ AAV ถ้าเป็นสายการบินในประเทศอาจจะมีการแข่งขันกันสูง แต่ถ้ามีการแข่งขันกับสายการบินของต่างประเทศ เราว่า AAV เหนือกว่าคู่แข่งที่เป็นสายการบินต้นทุน เนื่องจากราคา AAV ยังต่ำกว่าราคาของสายการบินต้นทุนต่ำของต่างประเทศ"นักวิเคราะห์ กล่าวขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า มองว่า หุ้น AAV ช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงมาแรงจนเกิด upside gain มากขึ้น หลังเกิดการขายหุ้น Big lot ที่ราคาต่ำกว่ากระดานหลักของผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 5% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งเรากลับมีมุมมองที่เป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวในระยะยาว
เนื่องจากผู้บริหารระบุต้องการนำเงินที่ได้ไปลงทุนต่อยอดธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตแก่สายการบินไทยแอร์เอเชียในอนาคต เช่น การเตรียมไปร่วมจัดตั้งสายการบินใหม่กับเครือบริษัทแม่อย่างสายการบินแอร์เอเชียมาเลเซีย โดยจะจัดหาเครื่องบินขนาดใหญ่มาให้บริการเฉพาะเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะไกล ซึ่งจะเป็นสร้างโอกาสให้ไทยแอร์เอเชียในการจับลูกค้ากลุ่มใหม่ในระยะยาว ผู้บริหารคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปลายปี 56 หรือระบุนำเงินบางส่วนไปพัฒนาธุรกิจโรงแรม รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวจีน
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/56 คาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานลดลง โดยมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอ่อนตัวลงเหลือเฉลี่ย 122 เหรียญ/บาร์เรล และการย้ายฐานการบินสู่สนามบินดอนเมืองตั้งแต่ไตรมาส 4/55 คาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันลงเฉลี่ย 1-2% จึงคาดว่าสัดส่วนต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไตรมาส 2/56 จะมีแนวโน้มต่ำกว่า 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมสนามบินตามการกระตุ้นให้ย้ายฐานการบินสู่ดอนเมือง โดยจะลดรายจ่ายลงในปี 56 ราว 150-160 ล้านบาทหรือไตรมาสละ 40 ล้านบาท ทำให้จะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/56 ดีกว่าไตรมาส 2/55 อย่างชัดเจน รวมทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดที่จะน้อยลงตามฤดูกาล ทำให้เราคาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 2/56 จะอยู่ที่ราว 400-450 ล้านบาท
"เรายังชอบในจุดแข็งของการเป็นผู้นำตลาดสายการบินต้นทุนต่ำของไทย โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/56 ยังมีทิศทางดีต่อเนื่องทั้งในไตรมาสที่ผ่านมาและปีที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมการเติบโตของกำไรปกติในระยะยาวช่วง 3 ปีข้างหน้าจะโตโดดเด่นกว่า 44-45%ต่อปี"นักวิเคราะห์ กล่าวนอกจากนี้ ยังได้ปรับประมาณการกำไรปกติของ AAV ในปี 56-57 เพิ่มขึ้นจากเดิม 5-10% เป็น 1,740 ล้านบาทและ 2,284 ล้านบาทตรมลำดับ ซึ่งนับเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยขยายตัวก้าวกระโดดกว่า 95%และ 31% ตามลำดับ เนื่องจากทิศทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโตดีและสมมติฐานการขยายฝูงเครื่องบินใหม่ที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยลดลง และอัตราแลกเปลี่ยนที่เริ่มกลับมาอ่อนค่ามาที่บริเวณ 30.0-30.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุว่า AAV ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยหนุนจากจำนวนผู้โดยสารและราคาค่าโดยสาร เพื่อที่จะรองรับอุปสงค์ในการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ถี่ขึ้นและขยายฝูงบิน (จาก 24 ลำ ณ สิ้นปี 55 เป็น 35 ลำ ณ สิ้นปี 56 และ 61 ลำ ณ สิ้นปี 60)
AAV ตั้งเป้าการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารปี 56 ที่ 20% มาอยู่ที่ 10 ล้านคน ซึ่งผู้บริหารระบุว่ารายได้จากบริการเสริมจะเพิ่มขึ้นเป็น 383 บาทต่อราย ภายในสิ้นปี 56 จาก 354 บาทต่อรายในปี 55 หนุนโดยบริการใหม่ และมองว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรในระยะยาวจะมาจากการเปิดตัว Air Asia X เที่ยวบินระยะไกลก่อนสิ้นปี 56 ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารในเส้นทางบินจากยุโรปและอื่นๆ ที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจกับไทย ซึ่งจะขนส่งผู้โดยสารมาให้ AAV เพิ่มขึ้น
สำหรับราคาหุ้น AAV มีแนวโน้มปรับตัวดีต่อเนื่องตลอดไตรมาส 2/56 จากกำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งมองว่าแนวโน้มกำไรหลักที่เติบโตแข็งแกร่งของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีในช่วงปี 56-58 ที่ 37% เทียบกับ 8% ของ SET จะหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้นต่อไป ราคาหุ้นในขณะนี้มีระดับการซื้อขายอยู่ที่ PEG ปี 56 เพียง 0.27 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม บล.กรุงศรี แนะนำ"ขาย"หุ้น AAV เนื่องจากมองว่าผลประกอบการไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 จะกลับมาอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลที่จะถึงระดับต่ำสุดช่วงไตมาส 3/56 ขณะเดียวกันการขยายเส้นทางบินต่อเนื่องมาจากปลายปีก่อนทำให้คาดว่าผลประกอบการอีกสองไตรมาสข้างหน้าคงเติบโตได้ รวมถึงการรับมอบเครื่องบินอีก 2 ลำในช่วง 1H56 คาดว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ผลประกอบการกลับมาโตก้าวกระโดดอีกครั้งในไตรมาส 4/56 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว พร้อมทั้งไม่มีนโยบายจ่ายปันผล รวมถึงมีความเสี่ยงต่อประมาณการหากราคาน้ำมันเครื่องบินกลับทิศทางเป็นขาขึ้นในปีหน้า