TOG คาดรายได้ปีนี้โตตามยอดขายเพิ่ม-มาร์จิ้นดีขึ้น, รับรู้ฯห้องแล็บเวียดนาม Q3/56

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 12, 2013 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป(TOG)กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งออก ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน หลังจากเพิ่มยอดขายสินค้าพรีเมียมที่ให้มาร์จิ้นดี ส่วนผลกระทบเงินบาทผันผวนมีไม่มาก ขณะที่คาดว่าจะรับรู้รายได้จากห้องแล็บร่วมทุนในเวียดนามเมื่อเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 3/56

นายวิรัช ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ TOG กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.65 พันล้านลบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีรายได้ 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากยอดขายเลนส์มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกเลนส์ไปจำหน่ายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะที่ยอดขายในฝั่งยุโรปยังทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงซบเซา

ทั้งนี้ ธุรกิจห้องแล็บผลิตเลนส์ของบริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่นผลักดันให้มีรายได้มากขึ้น โดยปีนี้บริษัทได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มราว 30-40 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะเพิ่มเป็น 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 20% เนื่องจากบริษัทได้รับรู้ถึงผลกระทบความเสียหายของแม่พิมพ์ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3/55 ไปครบถ้วนแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/56 ประกอบกับ บริษัทมีการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจห้องแล็บและยอดขายสินค้าพรีเมียม อย่างเช่นเลนส์กันกระแทก ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เนื่องจากให้มาร์จิ้นที่ดี โดยบริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/56 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/56

ส่วนผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาทนั้น ขณะนี้เริ่มคลี่คลายลงจากไตรมาส 1/56 ที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมาก แต่ในช่วงไตรมาส 2/56 เงินบาทเริ่มอ่อนค่ามาอยู่ที่ประมาณ 30 บาท/ดอลลาร์ จากไตรมาส 1/56 อยู่ที่ประมาณ 28 บาท/ดอลลาร์ โดยบริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกอยู่ที่ 94% และยอดขายในประเทศ 6%

นายวิรัช กล่าวว่า สำหรับการร่วมทุนกับพันธมิตรตั้งห้องแล็บผลิตเลนส์ในเวียดนามนั้น คาดว่าในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/56 เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรและใช้เวลาทดสอบระบบอีก 1 เดือนจากนั้นจะเริ่มการผลิต ส่วนการเจรจากับพันธมิตรเพื่อตั้งห้องแล็บในพม่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากต้องรอให้ห้องแล็บในเวียดนามแล้วเสร็จก่อน

"พม่าเป็นประเทศมีความต้องการในสินค้าอยู่มากและมีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ จึงมีศักยภาพในการเติบโตสูง น่าสนใจเข้าไปลงทุน"นายวิรัช กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ