ทั้งนี้ อาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน กองทุน KFEQ4P4-P3 ตั้งเป้าจ่ายผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 8% กองทุนดังกล่าวมีจุดเด่นที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเร็วขึ้นจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ 2 ครั้ง โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนครั้งแรกเมื่อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 4% หรือกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.40 บาท ติดต่อกัน 5 วันทำการ หรือ ณ วันใดวันหนึ่งระหว่าง 5 วันทำการ ซึ่งบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราไม่น้อยกว่า 4% ของราคาที่ตราไว้หรือ 0.40 บาทต่อหน่วย และผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนครั้งที่ 2 อีก 4% เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งหมดรวมเป็น 8% ของเงินลงทุนเริ่มแรก หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.93 บาท ติดต่อกัน 5 วันทำการหรือ ณ วันใดวันหนึ่งระหว่าง 5 วันทำการนั้นตามที่บริษัทเห็นสมควร
นายฉัตรพี กล่าวเสริมว่า บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ ระดับราคาในปัจจุบันยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนต่อไปอีก 2-3 เดือน แต่หากอิงจากปัจจัยพื้นฐานแล้วเชื่อว่าในครึ่งปีหลังของปีนี้ความผันผวนของตลาดหุ้นจะลดลงจากไตรมาส 2 เนื่องจากนักลงทุนได้คลายความกังวลจากสถานการณ์เรื่อง QE ไปค่อนข้างมากแล้ว ทั้งนี้ ในระยะยะยาวการยกเลิกมาตรการ QE ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของระบบเศรษฐกิจและสภาพคล่องในระบบโดยรวม
“กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4%พลัส4%ทริกเกอร์ พลัส 3 (KFEQ4P4-P3) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองโอกาสการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยและต้องการเข้ามาลงทุนเพื่อผลตอบแทนตามเป้าหมาย สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ ทั้งนี้ การจัดสรรเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในจังหวะที่เหมาะสมกับกองทุน(KFEQ4P4-P3) จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนได้" นายฉัตรพี กล่าว