ทั้งนี้ ช่วงนี้จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปก็ออกมาดีกว่าที่ประเมินไว้ แต่ตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ตอบรับตรงนี้ เนื่องจากมีความกังวลการเมือง
พร้อมแนะให้ลดเก็งกำไร แล้วรอ"ซื้อสะสม"เมื่อราคาหุ้นพื้นฐานดีลงมา โดยหุ้นที่จะไม่รับผลกระทบจากการเมืองและยังพอจะเข้าลงทุนได้เป็นหุ้นในกลุ่ม ICT, กลุ่มแบงก์ และปิโตรเคมี
ส่วนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคงจะได้รับแรงกดดันจาการเมือง และกลุ่มท่องเที่ยวคงจะต้องระวัง เพราะการเมืองไม่ดีอาจจะกระทบการท่องเที่ยวได้
*KS มองการเมืองไม่ทำให้พื้นฐานเปลี่ยน แต่อาจทำให้ตลาดผันผวนเพิ่มขึ้น
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย(KS) กล่าวว่า การเมืองไม่ได้ทำให้พื้นฐานของหุ้นเปลี่ยนแปลง แต่อาจทำให้ความผันผวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการลงทุนในตลาดฯยังดีอยู่ จากแรงหนุนของ QE และเศรษฐกิจโลกที่เริ่มจะเห็นตัวเลขทั้งของสหรัฐและยุโรปออกมาดีกว่าคาด
แต่ก็ประเมินว่าในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนตลาดฯอาจจะผันผวน โดยประเมิน downside ไว้ที่ระดับ 1,350 จุด แต่ที่ระดับ 1,400 จุดต้น ๆ ก็สามารถที่จะ"ทยอยซื้อ"ได้โดยนักลงทุนควรจะแบ่งเงินเป็นก้อน ๆ เพื่อใช้ในการลงทุน โดยหุ้นที่ยังน่าลงทุนเป็นหุ้นในกลุ่มแบงก์ และปิโตรเคมี แม้ว่าหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีจะมีผลประกอบการงวดไตรมาส 2/56 ออกมาอ่อนตัวแต่มองว่าจะมีการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง(H2/56)
"ส่วนใหญ่รายย่อยจะติดหุ้นขนาดกลาง และเล็ก ซึ่งเมื่อหุ้นขึ้นก็มีแรงขายออกมา ดังนั้นจึงมองว่าหุ้นขนาดกลาง และเล็กมีแนวโน้มที่จะ under perform ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่น่าจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า"นายกิจพล กล่าวนายกิจพล กล่าวต่อว่า เมื่อเข้าถึงเดือนกันยายนเชื่อว่าตลาดฯจะไปได้ค่อนข้างดี เพราะสถานการณ์มีความชัดเจนขึ้น ทั้งในเรื่องการเมืองที่น่าจะจบในเดือนสิงหาคม และเศรษฐกิจโลกก็มีความชัดเจนขึ้นในเรื่องการฟื้นตัว
*ASP มองดัชนีฯที่ระดับ 1,400 จุด น่าจะรับอยู่หากการเมืองไม่รุนแรง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส(ASP)กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศสร้างความกดดันให้กตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ โดยวันนี้ตลาดได้ปรับตัวลงไปค่อนข้างมากสวนทางกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกันถ้วนหน้า มองว่าเป็นผลจากความกังวลการเมืองเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เกิดความรุนแรงก็เชื่อว่าดัชนีฯที่ระดับ 1,400 จุดน่าจะรับได้อยู่ ส่วนแนวต้านก็ต้องมองกว้าง ๆ ไปที่ 1,450 จุด
พร้อมแนะให้นักลงทุนลดการเก็งกำไรในช่วงหนึ่ง แล้วสามารถรอ"ซื้อสะสม"เมื่อราคาหุ้นพื้นฐานดีปรับตัวลงมา โดยหุ้นที่น่าจะไม่รับผลกระทบจากการเมืองและยังพอจะเข้าลงทุนได้เป็นหุ้นในกลุ่ม ICT ซึ่งมองว่าน่าจะไปได้ค่อนข้างดี ส่วนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคงจะได้รับแรงกดดันจาการเมือง แต่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำก็ยังน่าซื้อเก็บเข้าพอร์ตไว้ได้
*DBSV มองการเมืองกดดันตลาดฯให้ under perform กว่าภูมิภาค
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)หรือ DBSV กล่าวว่า ตอนนี้มองเรื่องของการเมืองเป็นประเด็นที่สร้างความกดดันให้กับตลาดหุ้นไทย ทำให้ตลาดฯ under perform กว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และช่วงนี้จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปก็ออกมาดีกว่าที่ประเมินไว้ แต่ตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ตอบรับตรงนี้ เนื่องจากมีความกังวลการเมือง ว่าจะมีความวุ่นวายหรือเปล่า จากที่รัฐบาลจะนำเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเข้าสู่สภา
ทั้งนี้ หากเหตุการณ์การเมืองไม่วุ่นวายก็แล้วไป แต่ถ้าหากวุ่นวายก็อาจจะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มีสิทธิเลือกลงทุนได้หลายตลาด ไม่จำเป็นต้องลงทุนในตลาดที่มีความเสี่ยงการเมือง แต่ถ้ารัฐฯสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นด้วยความสงบ นักลงทุนก็สามารถจะหาจังหวะลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ระยะใกล้นี้มองกรอบแนวรับไว้ที่ 1,400-1,3800 จุด
ช่วงนี้จึงแนะนำให้ซื้อหรือถือเมื่อบวก แต่หากหลุดแนว 1,410 จุดแนะนำให้ลดพอร์ตการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่เล่นเก็งกำไรระยะสั้น และถ้าหากสถานการณ์แย่มากกว่าที่คิด ดัชนีหุ้นไทยก็มีโอกาสที่จะลงไปแถว 1,350 จุดหรือต่ำกว่านี้
สำหรับหุ้นที่ยังให้ overweight ได้เป็นหุ้นในกลุ่ม ICT ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวคงจะต้องระวัง เพราะการเมืองไม่ดีอาจจะกระทบการท่องเที่ยวได้ ซึ่งที่จริงด้านการท่องเที่ยวของปีนี้ถือว่าดีมาก แต่การเมืองไม่ดี คนที่จะมาอาจหยุดไว้ก่อน ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คงจะรับ Sentiment ลบจากการเมืองไปก่อน และคงจะถูกระทบจากข่าว แต่เชื่อว่าโครงการลงทุนใหญ่น่าจะมาแน่ เพียงแต่การเมืองอาจทำให้เกิดความล่าช้าไปกว่าแผนเดิมเท่านั้น