CENTEL เชื่อการเมืองไม่กระทบ คาด Q2/56 โต 18-19%,ซื้อ 2 แบรนด์ร้านอาหาร

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 2, 2013 16:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่จะมีการชุมนุมทางการเมืองที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ส.ค.นี้ รวมทั้งการประกาศใช้กม.ความมั่นคงในช่วงวันที่ 1-10 ส.ค.นั้นมองว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการยอดจองห้องพัก โดยยังไม่มีรายงานเลื่อนจองห้องพักหรือการยกเลิกการจอง เนื่องจากการชุมนุมยังคงเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ประกอบกับเชื่อว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ แต่จะอยู่ในช่วงระยะสั้นเท่านั้นเหมือนในอดีตที่มีการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.)
"จากที่ได้คุยกับฝ่ายการตลาดยังไม่มีรายงานเรื่องการยกเลิกที่พัก ตราบใดที่การชุมนุมยังอยู่ในกรอบ เหมือนครั้งที่แล้วที่เสธอ้ายนำทีมมา การชุมนุมก็จบเร็ว ซึ่งก็มีการถามเข้ามาบางส่วนแต่ไม่ถึงขั้นที่จะเลื่อนการเข้าพัก จนกว่าผู้ที่เข้าพักจะรับรู้ว่ามีความรุนแรงจริงๆถึงจะเลื่อนออกไป ในมือตอนนี้ฝ่ายการตลาดยังไม่มีรายงานความผิดปกติ" นายรณชิต กล่าวกับอินโฟเควสท์"

ส่วนรายได้ในไตรมาส 2/56 รองประธานอาวุโส CENTEL คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 18-19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,541 ล้านบาท จากอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 75% และการเติบโตของยอดขายอาหารสูงขึ้น 2% โดยมองว่าผลประกอบการโดยรวมเป็นไปตามสัดส่วนและเติบโตดีกว่าปีก่อน

ดังนั้น บริษัทจึงยังคงคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 56 จะมีรายได้อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท จากปี 55 อยู่ที่ 14,800 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจอาหาร 9,000 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรม 8,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ 18-20%

"ผลประกอบการปีนี้คาดว่าเป็นไปตามสัดส่วนเหมือนไตรมาสแรกที่ออกมาค่อนข้างดี และเติบโตดีกว่าปีก่อน หากไม่นับรายการพิเศษ"นายรณชิต กล่าว

แนวโน้มผลประกอบการช่วงปีหลังยังคงเติบโตดี เนื่องจากในเดือนมิ.ย.นักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มขึ้น 106% และนักท่องเที่ยวโดยรวมเพิ่มขึ้น 25% ส่งผลให้ 6 เดือนมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดี โดยเป็นผลมาจากอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวในอุตสาหกรรมโรงแรมเฉลี่ยโดยรวมปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60% จากปีก่อนอยู่ที่ 55% ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของ CENTEL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 75% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมโดยรวม ทั้งนี้ ยอดขายอาหารโดยรวมยังคงเติบโตดี แม้ว่าการบริโภคภาคครัวเรือนจะปรับตัวลดลง แต่กำลังซื้อในต่างจังหวัดยังคงสูงกว่ากรุงเทพฯ

ด้านการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)นายรณชิต กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากฎหมายบางข้อเกี่ยวกับเรื่องของภาษี คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)อาจจะมีการประกาศออกมาได้ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ และคาดว่า บริษัทจะยื่นไฟลิ่งจัดตั้งกอง REIT อย่างเร็วที่สุดได้ในช่วงไตรมาส 1/57

ขณะที่ บริษัทฯมีแผนการออกหุ้นกู้ในช่วงเดือนก.ย.นี้ มูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท จำนวน 2 ล็อต อายุหุ้นกู้ 3-5 ปี ซึ่งจะมีการประกาศความชัดเจนในสัปดาห์หน้า

ขณะที่การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะใช้งบลงทุนจำนวน 1,200 ล้านบาท โดยจะเข้าซื้อแบรนด์ร้านอาหารต่างประเทศ 2 แบรนด์ ซึ่งจะมีแบรนด์ใหม่เข้ามา 1 แบรนด์เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทเทมปุระ ชื่อ เท็นยะ คาดว่าจะเปิดบริการได้ปลายไตรมาส 3/56 หรือไตรมาส 4/56 ประเดิม 2 สาขา ส่วนอีกแบรนด์เป็นร้านอาหารจากต่างประเทศได้ข้อสรุปแล้วจะประกาศได้ภายปีนี้

ส่วนการเข้าไปลงทุนโรงแรมใหม่มัลดีฟส์ โครงการ 2 มองว่าปีนี้จะใช้เงินลงทุน 900 ล้านบาทโดยประมาณ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ