นาย
สุรงค์ บูลกุล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่น
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (
ส.อ.ท.) เปิดเผยกรณีที่
น้ำมันดิบรั่วกลางทะเลเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงาน เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันยังดำเนินการผลิตตามปกติ ทำให้มีน้ำมันเพียงพอใช้ภายในประเทศ และทางกลุ่มโรงกลั่นไม่ได้นิ่งนอนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางกลุ่มโรงกลั่นได้มีการสนับสนุนหลายรูปแบบทันทีหลังได้รับการร้องขอจากบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ทั้งเรือขจัดคราบน้ำมัน การใช้บูมกั้น
น้ำมันดิบ และอุปกรณ์ดูดซับน้ำมัน ฯลฯ
"การผลิตน้ำมันไม่มีผลกระทบ ที่ผ่านมา เรามีการสำรองน้ำมันไว้ใช้อยู่แล้ว ผมเชื่อมั่นว่ากลุ่ม ปตท.คงไม่หยุดดูแลด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องมีแผนระยะยาว ทำให้อ่าวพร้าวกลับมาสวยงามกว่าเดิม เนื่องจากจังหวัดระยองเป็นบ้านของเรา เราไม่สามารถละเลยได้"นายสุรงค์ กล่าว
ขณะนี้ทางบริษัทประกันภัยได้เดินทางไปยังพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหาย ซึ่งกลุ่มโรงกลั่นอยู่ระหว่างการรอข้อสรุปสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ หลังจากทราบแล้วก็จะวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน แล้วนำมาปรับปรุงมาตรฐานฉุกเฉินทางทะเล โดยทางกลุ่มฯเชื่อว่าก้อนน้ำมันที่รั่วไหลไปอ่าวพร้าว ที่เกาะเสม็ดน่าจะเป็นน้ำมันที่ทะลักออกจากบูม เพราะช่วงนั้นมีคลื่นลมแรงมาก
ที่ผ่านมา แต่ละโรงกลั่นก็มีมาตรฐานการปฏิบัติการทางทะเลของตนเอง โดยจะมีการซ้อมเหตุฉุกเฉินเฉพาะบริษัทเองเฉลี่ยปีละครั้ง ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ รวมสารเคมีที่ใช้ในการสลายคราบน้ำมัน ทางสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน (IESG) ซึ่งมีบริษัทน้ำมันต่างๆและโรงกลั่นน้ำมันเป็นสมาชิก ได้มีการจัดเก็บไว้ที่จังหวัดระยอง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และพระโขนง กรุงเทพฯ และมีการซ้อมฉุกเฉินทางทะเลปีละครั้งด้วย
อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์:
[email protected]