นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า มอง CPALL ในไตรมาส 2/56 กำไรสุทธิลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มสูง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ โดยผลประกอบการ CPALL ยังมีการเติบโตที่ดีจากการเปิดร้านเซเว่น 169 สาขาในไตรมาส 2
แนวโน้มในไตรมาส 3/56 CPALL จะมีการรวมงบกำไรขาดทุนของ บมจ.สยามแม็คโคร(MAKRO)ประกอบกับ ร้านเซเว่นฯมีการทำโปรโมชั่นสะสมแสตมป์เพื่อกระตุ้นยอดขาย และขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายการเข้าซื้อกิจการ MAKRO จะถูกบันทึกเข้ามาอาจส่งผลให้คาดว่า 3 ไตรมาสจะมีกำไรสุทธิลดลง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า CPALL ยังมีศักยภาพเติบโตอย่างมั่นคงจากธุรกิจร้านเซเว่นฯ และรายได้จาก MAKRO
นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL ว่า ปีนี้กำไรจะทรงตัวจากปีก่อนจากภาระดอกเบี้ยจ่ายและค่าที่ปรึกษา ปีนี้จะมาหักล้างกับกำไรที่ได้จาก MAKRO มากกว่ากำไรของ MAKRO ที่จะบันทึกเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามปี 57 คาดว่าจะมีการเติบโตได้ดี
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาวะการบริโภคที่ชะลอตัวลงนั้นไม่ได้เป็นผลกระทบต่อยอดขายของ CPALL เนื่องจากได้มีการทำโปรโมชั่นแสตมป์ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/56 แข็งแกร่ง มีรายได้เติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิมีการขยายตัวเพียง 2% ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ MAKRO
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าการบริโภคยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากการทำโปรโมชั่นสะสมแสตมป์จะทำให้ช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4/56 รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของ MAKRO จะมีประโยชน์ที่เกิดการทำงานร่วมกัน และเพิ่มความเข็งแกร่งให้กับเครือข่าย CPALL จึงยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside อยู่ถึง 33% เมือเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 49.00 บาท