ทั้งนี้ ตลาดไม่ได้มีปัจจัยใดเข้ามาเป็นเทคนิคเคิลรีบาวน์หลังจากที่ตลาดซึมซับเรื่องการเมืองในประเทศ และงบผลการ ดำเนินงานไตรมาส 2/56 และการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนก็ออกมาดี
ส่วนราคาทองคำวันนี้ปรับขึ้นไปมาก หลังจากทะลุราคา 1,330 เหรียญ/ออนซ์ได้ มองแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,350 เหรียญ/ออนซ์ เนื่องจากจีนเริ่มกลับเข้ามาซื้อทองมากขึ้น ทำให้ดีมานด์กลับมา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในยุโรปออกมาดี ได้แก่ ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ทำให้เงินยูโรกลับมาแข็ง ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงช่วยทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น
แนะให้ผู้ถือสถานะ long คงถือต่อไปเพื่อเก็งกำไร มองแนวรับที่ระดับ 1,325, 1333 เหรียญ/ออนซ์ แนวต้านที่ 1,350 เหรียญ/ออนซ์ คาดว่าช่วงสั้น ราคาจะไม่ปรับลงไปลึก
ด้านบริษัท วายแอลจี บุลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด แนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อ ตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,319 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อ ซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,343 หรือ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง
เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมี แรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ดัชนี SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 989.86 จุด เพิ่มขึ้น 20.16 จุด, +2.08%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 48,462 304,250 Total Futures 48,317 301,717 Brent Crude Oil 165 305 Metal 5,885 18,013 - 50 Baht Gold 1,291 5,246 - 10 Baht Gold 4,590 12,727 - Silver 4 40 USD 273 5,534 Interest Rate - - - 3M BIBOR - - - 6M THBFIX - - - 5Y Gov Bond - - SET50 Index 18,690 34,970 Sector Index Futures - - Single Stock 23,304 242,895 Total Options 145 2,533 SET50 Index 145 2,533 Call 65 1,250 Put 80 1,283 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -10,154 -755 +10,909 Options -24 +71 -47