บางกอก เคด-คอน คาดขาย IPO 180 ล้านหุ้น-เข้า mai ภายใน ก.ย./มองโอกาสรุก AEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 15, 2013 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางกอก เดค-คอน(BKD)คาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) 180 ล้านหุ้น และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)ได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ

BKD ประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาตกแต่งภายในอาคาร ประเภทคอนโดมิเนียม โรงแรม สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานที่ราชการ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 70% ในปัจจุบัน ขณะที่หน่วยงานภาคเอกชน มีสัดส่วนรายได้ราว 30% มีทั้งผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือเจ้าของโครงการ และผู้รับเหมาหลักงานโครงสร้างที่จัดหาผู้รับเหมาช่วงผ่านการประมูลหรือว่าจ้างงานตกแต่งภายใน

นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ กรรมการผู้จัดการ BKD กล่าวว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัว ทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตดีตามไปด้วย เมื่อมีเงินทุนเข้ามาเพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในการรับงานมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในการรับงานโครงการของภาครัฐ ซึ่งมีงวดการจ่ายเงินตายตัว รวมทั้งสามารถรับงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จากส่วนใหญ่ที่จะรับงานมูลค่าราว 50 ล้านบาทขึ้นไป

"เราชอบงานราชการมากกว่า ถึงเงินจะช้าแต่ชัวร์ แต่ถ้ารับงานเอกชนก็ขอดูขื่อเสียงผู้รับเหมาหลักก่อน"นางนุชนารถ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสขยายธุรกิจไปรับงานในต่างประเทศ โดยเน้นแถบอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) คาดว่าจะเริ่มจากประเทศพม่าก่อน ซึ่งบริษัทมีแนวทางที่จะเข้าไปหาพันธมิตรท้องถิ่นที่มีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์เพื่อมาสนับสนุนการทำธุรกิจ หรืออาจจะใช้วิธีส่งไปจากโรงงานในไทยที่ยังสามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกมาก และบริษัทยังสนใจการเข้าไปรับงานในลาวด้วย

นางนุชนารถ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายผลักดันผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10-15% โดยในไตรมาส 1/56 บริษัทมีรายได้ 134.64 ล้านบาท กำไร 10.71 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลของธุรกิจ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยสกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 942 ล้านบาท และกำไร 162 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุนในปี 54 เนื่องจากได้รับผลกระทบน้ำท่วมสำนักงาน โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และพรีแฟบที่ตั้งอยู่ย่านยบางบัวทอง ทำให้เครื่องจักรและสินค้าภายในคลังได้รับความเสียหายมาก โดยในปีที่แล้วบริษัทก็ได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยเข้ามาประมาณ 70 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด แต่ในปีนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ณ สิ้นไตรมาส 1/56 บริษัทมีงานในมือแล้ว 800 ล้านบาท โดยมูลค่างานกว่า 50% เป็นงานตกแต่งโครงการดิ เอนเนอร์ยี่ หัวหิน และยังมีโอกาสหางานใหม่เข้ามาเพิ่มในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งมองว่าหากภาครัฐเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทก็จะทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคึกคักและบริษัทได้รับประโยชน์ไปด้วย

สำหรับต้นทุนสำคัญของบริษัท ส่วนใหญ่ราว 20% เป็นค่าวัสดุ ส่วนอีก 15% เป็นค่าแรง โดยบริษัทมีพนักงานช่างฝีมือราว 200 คน และยังมีการว่าจ้างช่างภายนอกเข้ามาทำงานด้วย ซึ่งความเสี่ยงของบริษัทคือการขาดแคลนแรงงานฝีมือ ระยะเวลาส่งมอบงานราว 1 ปี

ณ วันที่ 31 ธ.ค.55 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 350,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 260,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 520,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 350,000,000 บาท

อนึ่ง ผลงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ อาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โครงการศูนย์ราชการกรุงเทพฯ, โครงการอาคารเรียนและโรงอาหาร มหาวิทยาลัยรามคำแหง, โครงการอาคารสำนักงาน บมจ.ปตท.สผ., ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพของ บมจ.ปตท. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ