นายวาย ยัท ปาโก้ ลี รองผู้จัดการทั่วไปนักลงทุนสัมพันธ์ TUF เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายลดลงเป็น 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเดิมที่ตั้งไว้ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากยอดขายปลาทูน่าลดลง และส่วนหนึ่งมาจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่ามีราคาที่สูงขึ้นและมีความผันผวน หลังจากที่ต้นทุนของชาวประมงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากองค์กรพัฒนาเอกชน(NGO)ได้เรียกร้องและเกี่ยวกับการจับปลาทูน่า ทำให้มีกฏเกณฑ์ต่างๆออกมามากส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบ
นอกจากนี้ ปริมาณขายกุ้งแปรรูปลดลง หลังจากช่วงไตรมาส 2/56 บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคระบาดในกุ้ง (EMS) ซึ่งทำให้กุ้งตายก่อนเวลาอันควร ทำให้ต้องปรับลดเงินลงทุนเป็น 4.5 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 6 พันล้านบาท เนื่องจากมีการชะลอสร้างโรงงานแปรรูปกุ้ง จากแผนเดิมที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้และจะแล้วเสร็จในปีหน้า
"การชะลอสร้างโรงงานนั้นเรายังต้องรอดูในต้นปีหน้าว่าธุรกิจกุ้งจะมีทิศทางเป็นเช่นไร และการแก้ปัญหาโรค EMS ต้องมีความชัดเจนแล้วเราจึงจะกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้บริษัทก็ได้เช่าโรงงานของบริษัทแพคฟู้ด ซึ่งส่วนหนึ่งจะสามารถทดแทนกำลังการผลิตในเบื้องต้นได้"นายปาโก้ ลี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17% โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 11.7% เนื่องจากสถานการณ์ของราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและเรื่องโรค EMS ยังไม่มีความแน่นอน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง