(เพิ่มเติม) ILINK มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้ตามเป้า 150 ลบ.,รายได้รวมต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 29, 2013 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) มั่นใจว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 150 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมคาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1.95 พันล้านบาทเล็กน้อย เนื่องจากรับรู้รายได้ในส่วนธุรกิจเทเลคอมล่าช้า

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ ILINK เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.95 พันล้านบาทเล็กน้อง เนื่องจาก บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด ไม่มีรายได้เข้ามาในครึ่งปีแรก แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มมีรายได้เข้ามา จะทำให้ผลการขาดทุนของ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด ปรับตัวลดลง

ทั้งนี้คาดว่าครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงซีซั่น ของบริษัทฯโดยปกติอยู่แล้ว จะมีรายได้ และกำไรเติบโต ซึ่งบริษัทฯยังมีความเชื่อมั่นว่าจะมีกำไรเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดว่าจะมีกำไรปีนี้ที่ 150 ล้านบาท ถึงแม้ว่าครึ่งปีแรกจะมีกำไรสุทธิเพียง 48.22 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะเริ่มมีรายได้จาก บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด จากที่ขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประกอบกับ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่ได้รับงานประมูล สายเคเบิ้ลใต้น้ำ ไปยังเกาะกูด มูลค่า 1.15 พันล้านบาท ที่จะมีการเซ็นสัญญาในช่วงเดือน ก.ย.56 และมีรายได้เข้ามาในปีนี้ประมาณ 30-40% หรือ 300-400 ล้านบาท โดยในส่วนนี้จะมีกำไรให้กับบริษัทฯประมาณ 20-30% จะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ บริษัทจะเข้าประมูลงานอีก 3 งาน คือ สายเคเบิ้ลใต้น้ำ ไปยังเกาะพงัน มูลค่า 807 ล้านบาท โดยจะมีการประมูลในปลาย ต.ค.-ต้น พ.ย.56, สายเคเบิ้ลใต้น้ำไปยัง เกาะเต่า ที่ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ 1.3 พันล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการของบประมาณโครงการใหม่ เนื่องจากเปลี่ยนระบบจาก 33 เควี เป็น 115 เควี ทำให้มูลค่างานเพิ่มขึ้นเป็นหว่า 3 พันล้านบาท คาดว่าจะมีการอนุมัตงบประมาณในปี 57 และโครงการสุดท้ายคือ สายเคเบิ้ลใต้น้ำไปยัง เกาะนาคาใหญ่ มูลค่างาน 69.50 ล้านบาท อยู่ระหว่างจัดทำงบ คาดว่าจะอนุมัติงบประมาณปี 57 ซึ่งบริษัทฯมีความสนใจในโครงการ เกาะพงัน และเกาะเต่า ซึ่งคาดว่าจะประมูลได้อย่างน้อย 1 โครงการ โดยในโครงการที่เกาะนาคาใหญ่นั้นมองว่ามูลค่าไม่มาก อาจจะไม่คุ้มต่อการลงทุน แต่หากนำมารวมกับโครงการไดโครงการหนึ่งใน 2 โครงการก่อนหน้า ก็จะทำให้มีความคุ้มค่ามากขึ้น แต่หากไม่ได้ไปรวมก็จะไม่มีความสนใจในการเข้าประมูล

"อย่างน้อยเราต้องได้โครงการใดโครงการหนึ่ง เรามั่นใจเพราะเรามีพันธมิตรอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่คู่แข่งเรามีพันธมิตอยู่ที่ยุโรป ซึ่งมีค่าขนส่งที่แพงกว่า การประมูลเราจึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า จึงมีความมั่นใจว่าจะได้อย่างน้อย 1 โครงการแน่นอน"นายณัฐนัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ