ทั้งนี้ คาดว่ากำไรของ BANPU ไตรมาส 3/56 น่าจะฟื้นตัว รวมทั้งได้รับผลดีจากการลดต้นทุนการผลิตด้วย และแม้ว่าทั้งปี 56 ประเมินกำไรสุทธิที่ระดับ 4.4-4.8 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนประมาณ 50% แต่ปีหน้าคาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวมากที่ระดับ 5.4-6.0 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาในตลาดยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV) ที่อยู่ 280-291 บาท/หุ้น และมีแผนแตกพาร์
อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์บางแห่งยังไม่แนะนำเข้า"ซื้อ"หรือแนะนำให้"ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"เพราะมองว่าราคาถ่านหินน่าจะใช้เวลา 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่งกว่าจะฟื้นตัว หลังจากตลาดมีสภาพ over supply โดยจะค่อยๆดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลกและเชื่อว่าจีนยังมีสต๊อกถ่านหินอยู่มาก จึงมองว่าการดีดขึ้นของราคาหุ้น BANPU ในช่วงนี้เป็นเพียงระยะสั้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ไอร่า ซื้อ 292 บล.กรุงศรี ซื้อเมื่ออ่อนตัว 280 บล.เคเคเทรด - 280 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 337 บล.เอเซียพลัส ถือ 353นายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า หุ้น BANPU ในระยะนี้ปรับตัวขึ้นเพราะมีประเด็นบวกเข้ามาที่คาดว่าสต๊อกถ่านหินในจีนลงสู่ระดับต่ำ อาจมีการนำเข้ามากขึ้น แต่คาดว่าเป็นระยะสั้น เพราะมองว่าในภาพรวมซัพพลายในตลาดยังมีมากกว่าดีมานด์ คาดว่าปีหน้าราคาถ่านหินน่าจะฟื้นตัวได้ หลังราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจากผลการค้นพบ Shale Gas ในสหรัฐ จึงเชื่อว่าราคาถ่านกินคงจะยังไม่ฟื้นตัวได้เร็ว
"ระยะสั้นราคา(ถ่านหิน)ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จีนมีความเป็นไปได้จะนำเข้าถ่านหินเพิ่ม ...ราคาหุ้น BANPU เกินมูลค่า Fair ที่ 280 บาท รอให้อ่อนตัวค่อยเข้าซื้อ หรือต่ำกว่า 250 บาท และมีการเก็งกำไรเรื่องแตกพาร์ ซึ่งเป็นประเด็นระยะสั้น" นายชาญวุทธ กล่าวจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนในราคาหุ้น BANPU ที่เคยเป็นหุ้นบลูชิพ มีมูลค่าซื้อขายในคลาด(Market Cap) ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ที่ราคา 800-900 บาท/หุ้น แต่ปัจจุบัน BANPU กลายเป็นหุ้นขนาดกลาง มี Market Cap ระดับ 7-8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี BANPU เป็นหุ้นที่ดีสุดในกลุ่มถ่านหิน เพราะมีเหมืองทั้งในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จีน และมองโกเลีย ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจถ่านหินรายอื่นเป็นธุรกิจเทรดดิ้งมากกว่าเป็นเจ้าของเหมือง
นายศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ นักวิเคราะห จากบล.ไอร่า แนะนำซื้อ หุ้นฺ BANPU เนื่องจากคาดว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ที่ระดับ 75 เหรียญ/ตัน โดยราคาถ่านหิน ณ วันนี้ อ้างอิง BJI อยู่ที่ 79 เหรียญ/ตัน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ราคาถ่านหินจะทรงตัว คาดไม่ลงต่ำกว่านี้
โดยคาดว่าในปี 56 กำไรสุทธิอยู่ที่ 4,459 ล้านบาทต่ำกว่าปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 9,293 ล้านบาท แต่ปี 57 คาดว่ากำไรสุทธิฟื้นขึ้นมาที่ 5,413 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาหุ้นในกระดาน ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value:BV) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 291 บาท/หุ้น และปีหน้า คาด BV อยู่ที่ 300 บาท/หุ้น
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.โกลเบล็ก ก็แนะนำให้ซื้อหุ้น BANPU เพราะคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/56 จะกลับมาเป็นบวก หลังจากที่ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ปีนี้มีกำไรต่ำกว่าคาด โดยต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยเฉพาะในไตรมาส 2/56 ที่กำไรลดลงไปมากเป็นผลจากการขาดทุนเหมือง Centennial ที่ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ มองว่าการลดต้นทุนการผลิตเริ่มส่งผลให้เห็นในไตรมาส 3/56 ประกอบกับการประกาศตัวเลข PMI ของจีนออกมาดี ทำให้ราคาหุ้นถ่านหินปรับขึ้น รวมทั้งเห็นว่าราคาหุ้น BANPU ในตลาดต่ำกว่า BV ที่ 280 บาท ณ สิ้นไตรมาส 2/56 และการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูงที่ 5 บาท/หุ้น คาดว่าทั้งปีจะได้รับเงินปันผลราว 10 บาท/หุ้น หรือมีผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 4%
ส่วนกำไรสุทธิในปี 56 คาดการณ์ที่ 4,800 ล้านบาท ลดลง 48% จากปีก่อน แต่ในปี 57 กำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาถ่านหินในปีหน้าคงไม่ปรับตัวขึ้นแรง
ต่างจากนายเบญจพล สุทธิ์วนิช นักวิเคราะห์จาก บล.เคเคเทรด ที่มองว่า การปรับขึ้นราคาหุ้น BANPU เป็นเพียงระยะสั้น เพราะมองในภาพระยะยาวราคาถ่านหินในตลาดโลกยังไม่ดีโดยคาดว่ากว่าราคาจะฟื้นตัวใช้เวลา 1 ปี-1 ปีครี่ง แต่ก็คาดว่าราคาถ่านหินคงไม่ลงไปต่ำกว่านี้ หรือลงไปต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ระดับ 70 เหรียญ/ตัน จึงยังไม่แนะนำเข้าซื้อหลังราคาปรับขึ้นจากเมื่อกลางเดือนส.ค.โดยแนะซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว ให้ราคาเป้าหมาย 280 บาท