สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 1.7 ปี, 3.8 ปี และ 8.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,979 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 169.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)(BGH233A) มูลค่า 145.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF17NA) มูลค่า 101.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 415.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 24,467 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,958 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,760 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.75% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ประมาณ 1-2 bps. โดยพันธบัตร ธปท.ระยะสั้น รุ่นอายุ 6 เดือนและ 1 ปี ที่ประมูลวันนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลเพียง 0.23 และ 0.45 เท่า ของวงเงินประมูล ตามลำดับ ทำให้จำหน่ายได้ค่อนข้างน้อย สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มีแรงขายในตราสารระยะสั้น ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,760 ล้านบาท