อนึ่ง ปี 55 มีกำไร 1,193 ล้านบาท รายได้รวม 7,740 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกมีกำไร 78.86 ล้านบาท รายได้ 4,914 ล้านบาท
นางสาวอมรา ยอมรับว่า ยังไม่แน่ใจว่าไตรมาส 3/56 จะพลิกเป็นกำไร จากไตรมาส 2/56 ที่ขาดทุนสุทธิ 272 ล้านบาทหรือไม่ เพราะจะต้องขึ้นกับการโอนที่ดินให้กับลูกค้าที่ตกลงซื้อไว้ เพราะการโอนที่ดินจะเป็นตัวบ่งบอกกำไร แต่บริษัทมองทั้งปีมากกว่า เพราะการทำงานในปัจจุบันมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ บางเรื่องต้องเกี่ยวกับหน่วยงานราชการ ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายค่อนข้างลำบาก
"เราก็พยายามเรื่องการพัฒนาที่ดินเพื่อส่งมอบลูกค้า แม้ขายได้มากแต่การออกใบอนุญาตต่างๆล่าช้า จึงยังโอนไม่ได้ ผลการดำเนินงานปีนี้ทั้งปี เรื่องตัวเลขไม่ค่อยซีเรียส มองกระแสเงินสดมากกว่า เพราะตัวเลขเป็นเรื่องทางบัญชี เรารู้ว่าเราขายได้แต่รับรู้รายได้ไม่ได้เท่านั้น ซึ่งมี backlog ที่ขายไปเกือบ 3,000 ไร่ ยังโอนไม่ได้เลย มียอดขายหมดแล้วรอโอนอย่างเดียว"น.ส.อมรา กล่าวอย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 57 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการรับรู้รายได้เมื่อมีการโอนที่ดินในนิคมฯเข้ามา และเมื่อค่ายยานยนต์ HONDA ตั้งโรงงานผลิตก็จะมีบริษัท Suppliers ที่ทำชิ้นส่วนยานยนต์ตามเข้ามาตั้งโรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเท่าที่ดูความต้องการของลูกค้าในขณะนี้ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีโรงงานประกอบรถยนต์จัดตั้งขึ้นก็จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากมาย
สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของบริษัทนั้น ขณะนี้เน้นการพัฒนานิคมฯใหม่ทั้ง 2 แห่งให้เสร็จสมบูรณ์และสามารถโอนให้ลูกค้าได้ตามกำหนด พร้อมกันนั้นการขยายพื้นที่นิคมฯในปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เดิม นอกจากนี้ ยังมองหาซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาเป็นนิคมฯเพิ่มขึ้น แต่คงดูจังหวะและราคาที่เหมาะสมเป็นหลัก
"ถ้าราคาได้ ก็โอเคไม่มีข้อจำกัดเรื่องโซนนิ่ง ค่อยๆ ดูไป ไม่ได้รีบร้อน เพราะดีมานด์ลูกค้ายังมีเข้ามา"นางสาวอมรา กล่าวส่วนการเข้าร่วมทุนกับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในทวายของพม่า นางสาวอมรา กล่าวว่า คงยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องขนาดนิคมฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างในปี 57 หลังจากปีนี้เตรียมงานขอใบอนุญาตต่างๆ เพราะพม่าต้องทยอยออกกฎหมายมารองรับ ซึ่ง ITD จับจองพื้นที่ไว้เป็นแสนไร่ ลักษณะการทำงานคงแบ่งเป็นโซนนิ่ง และตัดออกมาพัฒนาทีละส่วนตามการลงทุนในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลพม่าอยากเห็น
"พื้นที่ราวแสนไร่ เวลาทำจริงต้องมาซอยมาดูความเป็นไปได้ของพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ดินโล่ง ต้องรอรัฐบาลพม่าช่วยในแง่ออกกฎหมาย ส่วนของพื้นที่นิคมฯ โดยรวมทั้งหมดที่จะทำนิคมฯเกือบ 100% ต้องสร้างเมืองใหม่ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับคอมเมอร์เชียล ที่อยู่อาศัย พื้นที่อุตฯ รูปแบบน่าจะคล้ายๆ กับมาบตาพุด แต่พื้นที่ใหญ่กว่า เฉพาะที่ ROJNA เข้าไปเกี่ยวข้องก็คือส่วนพื้นที่นิคมฯ ที่จะขายให้กับโรงงานอุตฯต่างๆ เร็วเกินไป ณ วันนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอให้ผู้ดูแลโครงการนี้ทั้งหมด อาจจะเป็นด้วยความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่าหรือจะมีญี่ปุ่นเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง"ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทคาดว่าจะปิดการขายและรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 เฟสในจีนในหลักร้อยล้านบาทที่เหลือ จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 3000 ล้านบาท โดยภายในปีนี้น่าจะรับรู้ได้ทั้งหมดหรืออย่างช้าต้นปี 57
"คอนโดฯที่จีนทิศทางเศรษฐกิจจีนเริ่มค่อยๆดีขึ้นพยายามปิดขายให้ได้ภายในปีนี้หรืออย่างช้าปี 57 เหลือประมาณ 10% ไม่กี่ร้อยล้านบาทที่จะโอนในปีนี้ทั้งหมด รวมมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท"แต่การพัฒนาที่ดินที่มีอยู่ทั้งย่านสุขุมวิทและย่านรัตนาธิเบศร์ติดแนวรถไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ขณะนี้ยังไม่มีจะเปิดตัวโครงการในเร็ว ๆ นี้ เพราะยังไม่มั่นใจในสภาพตลาด แต่เบื้องต้นทั้ง 2 แห่งคงจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม และบริษัทคงจะรอให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วเสร็จก่อน
"ในไทยยังไม่ทำ รอดูทิศทางตลาด โซนรัตนาธิเบศร์จะรอให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการได้ก่อนแล้วค่อยพิจารณา ซึ่งจะเสร็จปี 58 พื้นที่มีเยอะพอควร ส่วนที่สุขุมวิทเป็นโครงการเก่าที่เราไปซื้อมามูลค่าราว 2,000 ล้านบาทโครงการยังไม่พัฒนาไปเยอะมีแค่ฐานรากอยู่ ยังไม่ได้ก่อสร้าง ยังไม่เปิดตัวโปรเจ็คต์ออกมา รอดูทิศทางตลาดให้เกิดความมั่นใจในระดับที่เปิดตัวแล้วสามารถขายได้ และปิดโครงการได้ภายในเวลาไม่นานนักติดแนวรถไฟฟ้าโดยสไตล์เราค่อนข้าง conservative เพราะไม่ใช่ธุรกิจหลัก"นางสาวอมรา กล่าว