ก.ล.ต.ร่วม 13 องค์กรภาคีในโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 24, 2013 15:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วม 13 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) สำนักงานประกันสังคม(สปส.) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมนักวางแผนการเงินไทย และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันดำเนินโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน เพื่อมุ่งให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นของการวางแผนทางการเงิน การลงทุนเพื่ออนาคต การลงทุนเพื่อยามเกษียณ การเข้าถึงบริการที่เหมาะสมกับความต้องการ และรักษาประโยชน์ของตนเองจากการใช้บริการทางการเงิน

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. และองค์กรภาคีทั้ง 13 แห่ง มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะพัฒนาและดูแลการให้บริการทางการเงินภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากร ด้วยการสร้างวินัยการเงิน รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักลงทุน มีการวางแผนทางการเงิน มีความรู้การลงทุน ตลอดจนรู้จักจัดการความเสี่ยงทางด้านการเงิน

การลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันของทั้ง 14 องค์กรภาคีในครั้งนี้ มุ่งหมายให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับ องค์ความรู้ ประสบการณ์ และผลสำเร็จของการให้ความรู้ด้านการเงิน การลงทุน การบริหารความเสี่ยง รวมถึงเนื้อหาและรูปแบบการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ลดความซ้ำซ้อน และเสริมกำลังด้านข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของกลุ่มเป้าหมาย ให้มีความรู้เพิ่มขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการบริหารเงินไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“การเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านการเงินที่เพียงพอนั้น จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากร กำลังความสามารถจากหลากหลายหน่วยงาน และ ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือจากทั้ง 14 องค์กรภาคีซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับประชาชนวงกว้างจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสามารถช่วยกันเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงินได้ในที่สุด"นายวรพล กล่าว

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลท.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนภารกิจด้านการให้ความรู้ทางการเงินแก่องค์กรภาคี ภายใต้โครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ด้านการเงินการลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนไทย มีความรู้ความเข้าใจทางการเงินอย่างถูกต้อง และสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเอง ครอบครัว และสังคมได้อย่างยั่งยืน

นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการ สปส.กล่าวว่า สปส.บริหารกองทุนประกันสังคมซึ่งมีเงินลงทุนรวมกันมากกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยกว่า 90% ของเงินลงทุนเป็น“เงินออมชราภาพ"ของผู้ประกันตนจำนวนกว่า 11 ล้านคน สำนักงานจึงมีภารกิจหลักในการบริหารจัดการ “ระบบการออมภาคบังคับ" ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานเพื่อให้มีเงินบำเหน็จหรือบำนาญใช้หลังเกษียณ นอกจากนี้ สปส.ยังได้รับมอบหมายภารกิจจากรัฐบาลในการขยายความคุ้มครองไปยังแรงงานนอกระบบอีกจำนวนกว่า 24 ล้านคน เพื่อให้มีระบบการออมเพื่อเกษียณเช่นเดียวกับแรงงานที่อยู่ในระบบ

สปส.จึงมีความยินดีที่จะร่วมมือกับนักลงทุนสถาบันอื่นๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเงินและการลงทุน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้และเห็นความสำคัญของการออมเงิน มีวินัยการออม และบริหารจัดการเงินออมให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กบข. กล่าวว่า กบข.เดินหน้าสร้างความเพียงพอของเงินออมหลังเกษียณให้กับสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคน อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ กบข. เร่งสร้างให้เกิดผลอย่างจริงจัง โดยมุ่งปลูกฝังทัศนคติ และความรู้ความเข้าใจผ่านกิจกรรมการเดินสายบรรยายให้กับสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งได้จัดทำเนื้อหาครอบคลุมการบริหารหนี้ บริหารเงินออม และการบริหารเงินลงทุน รวมถึงแนะนำประโยชน์ของบริการจาก กบข. ได้แก่ บริการออมเพิ่ม ที่ช่วยเพิ่มค่าเงินออม ลดหย่อนภาษี บริการออมต่อ ที่ช่วยวางแผนการเงินหลังเกษียณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแผนทางเลือกการลงทุน ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เลือกแผนการลงทุนได้ตรงกับความต้องการผลตอบแทนและระดับการยอมรับความเสี่ยง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความเพียงพอของเงินออมหลังเกษียณให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างแท้จริง และ กบข. จะรุกหน้าต่อไป โดยตั้งเป้าว่าหากสมาชิก กบข. 1.2 ล้านคน มีความรู้ความเข้าใจ และทัศนคติที่ดีในการสร้างความเพียงพอของเงินออมหลังเกษียณแล้ว จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน

เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และทักษะด้านการเงิน อาทิ การขาดวินัยการออม การใช้จ่ายเกินตัว การก่อภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจระดับชาติได้ การลงนามในบันทึกความเข้าใจในฉบับนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่องค์กรภาคีซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์กรที่มีภารกิจที่หลากหลาย ทั้งการกำกับดูแล การให้บริการ การพัฒนาการให้บริการด้านการเงินแก่ประชาชนจะจัดร่วมกันทำกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงินเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินของประชาชน และสามารถมีผลสำเร็จของภาพรวมและสถิติร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดเงินของไทยมากยิ่งขึ้นต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ