โกลเบล็ก คาดหุ้นไทยปรับขึ้นปลายต.ค.ตามเศรษฐกิจฟื้น มองเป้า SET ปีนี้ 1,417 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 25, 2013 15:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก (GBS) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4/56 ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย(GDP) จะกลับมาฟื้นตัว โดยมองว่าภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวจะเข้ามาเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้ GDP ในไตรมาสนี้มีอัตราการเติบโตเกิน 4%
เนื่องจาก Global PMI เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกตั้งแต่เดือนก.ย เริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันยังได้แรงหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงจากสิ้นไตรมาส 2/56 มาที่ 31.66 บาท/ดอลลาร์เมื่อวันที่ 19 ก.ย.

นอกจากนี้ หากพิจารณาจากดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 4/56 จากการส่งออกและการท่องเที่ยว และจะโดดเด่นที่สุดในไตรมาส 1/57 ทำให้คาดการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตของ GDP ในปีนี้และปีหน้า

จากปัจจัยในข้างต้น ทาง บล.โกลเบล็ก มองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนต.ค.เป็นต้นไป โดยมี 5 ปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ การส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในตั้งแต่เดือนก.ย., การท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วง High Season, การคาดการณ์ตลาดปรับลดประมาณการกำไรจนถึงระดับต่ำสุด และสะท้อนไปในราคาหุ้น, การพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทน่าจะมีความชัดเจนขึ้นในชั้นพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ, เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วและจีนที่ฟื้นตัวชัดเจนจะหนุนกลุ่ม Commodities และ Fiscal Cliff ของสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ กลุ่มที่น่าจับตาและมีความโดดเด่น คือกลุ่มเดินเรือ กลุ่มสินค้าเกษตร และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ทาง บล.โกลเบล็ก ตั้งเป้า SET Index ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,417 จุด พร้อมแนะนำลงทุนในหุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมาย 75.35 บาท เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นปรับลงมา 22% จาก Peak เมื่อต้นเดือนเม.ย.และ ลดลง 11.9% YTD โดย Underperform SETENERG ที่ปรับตัวลงมาจาก Peak 10.7% และ ลดลง 4% YTD สะท้อนค่าการกลั่น(GRM)ที่ลดลง ประกอบกับอุปสงค์ชะลอตัวและผลขาดทุนจากสต็อกไปแล้วในระดับสูง คาดว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/56 ไปแล้ว และจะพลิกกลับมาเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/56 ที่ระดับ 3-3.5 พันล้านบาทต่อไตรมาส

ในขณะที่ BANPU ให้ราคาเป้าหมายที่ 337 บาท โดยมองว่าราคาถ่านหินผ่านจุดต่ำสุด และจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเศรษฐกิจจีน ,US และ EU ที่ปรับตัวดีขึ้น คาดอุปสงค์ถ่านหินต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้ายังเติบโตในระยะยาว โดยคาดว่ากำไรในปี 57 มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 28%

หุ้น TTA เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการที่Turnaround ต่อเนื่องในไตรมาส 4/56(ก.ค.-ก.ย.) จากธุรกิจเรือเทกองที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว โดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีน และไปสหภาพยุโรปได้ส่งผลให้ดัชนี BDI แตะระดับ 1,822 จุด +55.6% QTD ซึ่งจะส่งผลให้ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นเกินกว่าต้นทุนการเดินเรือที่ 1.1หมื่นเหรียญสหรัฐ/วัน ขณะเดียวกันผลประกอบการ UMS ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งไม่มีการตั้งสำรองการด้อยค่าสต็อกสินค้าอีก ขณะที่ธุรกิจของเมอร์เมดฯ(MMT) ยังคงเป็นหัวจักรสำคัญในการผลักดันผลประกอบการให้บริษัทฯ จึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 22.3 บาท

นอกจากนี้ ยังแนะนำซื้อ AOT โดยให้ราคาเป้าหมาย 230 บาท โดยมองว่าการท่องเที่ยวไทยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง 28%YOY ในเดือนส.ค.ทำจุดสูงสุดใหม่ และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งภายในไตรมาส 4/56 เนื่องจากเป็นช่วง High Season

“การเศรษฐกิจ และ กำลังซื้อจากประเทศจีน และรัสเซีย ที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยหลักที่การท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มาตรการของรัฐบาลจีนในการควบคุมคุณภาพนักท่องเที่ยว และส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวนักท่อเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น"นายจักรกริช กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ