หุ้น CK อยู่ที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท(+1.33%)มูลค่าซื้อขาย 167.26 ล้านบาท
หุ้น STEC อยู่ที่ 24 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท(+1.27%)มูลค่าซื้อขาย 61.51 ล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดว่าในระยะนี้ราคาหุ้นกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างจะแปรผันไปตามข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับความสำเร็จของโครงการ 2 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นการผ่านมติจากรัฐสภา และหากมีการฟ้องร้องตามมา ผลจะเป็นเช่นใด เพราะจะเกี่ยวข้องกับปริมาณงานก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นงานขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง ดังนั้นราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในระยะนี้จะถูกผลักดันด้วยเรื่องราว (story) มากกว่าการประเมินมูลค่าหุ้น (valuation) อีกทั้งหากเงินกู้ 2 ล้านล้านผ่านได้ก็จะมีการประเมินมูลค่าหุ้นเพิ่มได้อีก เพราะผู้รับเหมาก่อสร้างจะมีศักยภาพในการทำกำไรในอนาคตได้มากขึ้น
หลักทรัพย์ที่คาดว่าจะมีการเก็งกำไรกันมากจะเป็นผู้รับเหมาขนาดใหญ่ คือ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD), บมจ.ช.การช่าง(CK) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น(STEC)เช่นเดียวกับผู้รับเหมาขนาดกลาง เช่น NWR ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ ITD และ SEAFCO กับ CK
ตามที่มีข่าวออกมาว่า เปิดความพร้อมโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้าน "ชัชชาติ" ยันเดินหน้าตามขั้นตอน เผย 29 โครงการยักษ์ผ่าน EIA รอกดปุ่มได้ทันทีหลังกฎหมายผ่าน ทั้งถนน มอร์เตอร์เวย์ ด่านศุลกากร ทางคู่ ไฮสปีดเทรน พลิกโฉมประเทศ กรมทางหลวง ทางหลวงชนบท รถไฟฯ รฟม.คัดเลือกโครงการจ่อตั้งแท่นประมูลเฟสแรกต้นปี 57 จับตาเค๊ก 7 แสนล้าน
บล.ดีบีเอสฯ ได้มองผลกระทบเป็นบวก หลังศาลรัฐธรรมนูญมีผลการตัดสินที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ที่มาของ สว.และ พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 เราคาดว่าในตลาดฯ จะมีความมั่นใจในเรื่องการผ่าน กฎหมายเกี่ยวกับการกู้เงินสำหรับใช้ในโครงการ 2 ล้านล้านบาทมากขึ้น แม้จะมีการไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญอีก ก็อาจจะผ่านได้ ทั้ง ๆ ที่ประเด็นการพิจารณาแต่ละครั้งย่อมแตกต่างกัน และไม่จำเป็นว่าผลการตัดสินจะต้องเหมือนสองครั้งแรกก็ตาม สำหรับประเด็นในเรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท นั้นอยู่นอกงบประมาณ และเป็นการใช้เงินจำนวนมหาศาลซึ่งควรผ่านการตรวจสอบให้ชัดเจนเสียก่อน