สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB155A (รุ่นอายุ 3.6 ปี, 8.1 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,788 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI14OA) มูลค่า 257.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK144A) มูลค่า 146.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)(CPALL20OB) มูลค่า 100.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 503.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 18,826 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,837 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 32 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.59% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยกระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรธปท. ระยะสั้นที่มีการประมูลในวันนี้ ทั้งนี้เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ประกอบกับใกล้ช่วงปลายปี อีกทั้งนักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการลงทุนเพื่อติดตามประเด็นทางการเมืองในประเทศ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) 32 ล้านบาท