NYT ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 13.80 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 15.97%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 25, 2013 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น NYT ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 13.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท(+15.97%)จากราคาขาย IPO ที่ 11.90 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,369.73 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 12.80 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 13.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 12.70 บาท

นายเทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นามยง เทอร์มินัล(NYT)เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ 3 ปี(57-59)เติบโตปีละ 15-20% ซึ่งเป็นการเติบโตตามการส่งออกรถยนต์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นช่วยผลักดันให้ความต้องการรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศเพียง 1 ใน 3 ของการผลิตทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นการส่งออก และในปี 58 ประเมินการผลิตรถยนต์เพิ่มเป็น 3 ล้านคัน/ปี

สำหรับปีนี้บริษัทฯมั่นใจรายได้ยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20-30 % จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 380 ล้านบาท หลังจากปริมาณการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็นราว 1 ล้านคันในปีนี้ จากปีก่อนที่ทางบริษัทฯมีการส่งออกรถยนต์ราว 9 แสนคัน ปัจจุบัน อัตรากำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 30 % และคาดว่าในปี 57 มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น ตามการเติบโตของปริมาณการส่งออกรถยนต์ที่คาดว่าจะมีการเติบโตราว 17-20% จากปีนี้

ส่วนปี 57 ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าวไปเพื่อที่จะก่อสร้างโรงเก็บรถยนต์ เพื่อที่จะรองรับการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มสร้างโรงเก็บรถยนต์ในปี 57 และคาดว่าจะสร้างเสร็จในช่วงต้นปี 58 ซึ่งคาดว่าในปี 57 บริษัทฯจะมีการส่งออก 4 พันกว่าคัน/วัน จากปีนี้ที่ 3 พันคัน/วัน ขณะที่ในปี 58 คาดว่าการส่งออกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5 พันคัน/วัน

ด้านนายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ หัวหน้าสายวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ราคาหุ้น NYT ปรับตัวขึ้นไป เนื่องจากนักลงทุนสามารถแยกแยะได้ถึงหุ้นที่กระทบกับ เหตุการณการเมืองที่เกิดขึ้น และหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี โดยมองว่าบริษัทฯ NYT ยังมีโอกาสการเติบโต หลังจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และจะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้การส่งออกดีขึ้น จากที่ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลาง และมีพื้นที่ตั้งที่ดี ส่งผลให้ยังมีแนวโน้มที่บริษัท ผู้ผลิตรถยนต์ยังจะเข้ามาตั้งโรงงานเพื่อผลิตรถยนต์อีกมาก จะทำให้บริษัทฯได้รับผลดีต่อไปด้วย

ส่วนเหตุการการเมืองที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ บล.ทิสโก้ ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยปีนี้จะเติบโตที่ประมาณ 3.2% และคาดว่าปี 57 จะเติบโตราว 4.5% ตามการส่งออกที่เติบโตขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะเติบโต ซึ่งจะผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตตามไปด้วย

ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 10% ลดลงจากช่วงต้นปีที่คาดว่าจะเติบโต 25% อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีหน้ากำไรจะเติบโตขึ้นได้ถึง 12%ในทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยแนะนำให้เน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มขนส่ง และเคมีภัณฑ์ ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น รวมทั้งลงทุนระยะยาวในหุ้นพื้นฐานดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ