ทิสโก้ เวลธ์ชี้ Q1/57 หุ้น ตปท.มาแรง-หลีกเลี่ยงหุ้นไทยการเมืองยืดเยื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 26, 2013 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์กลุ่มทิสโก้ (TISCO ESU) ประเมินกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 1/57 ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นจะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น

รวมถึงการที่ธนาคารกลางของสหรัฐ(เฟด)ได้ลดปริมาณการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการซื้อสินทรัพย์(QE)เป็นจำนวน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน จากการฟื้นตัวที่ดีของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัจจัยที่จะเริ่มส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ และหันมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น (Great Rotation)เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจากทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของเฟด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นที่น่าสนใจ TISCO Wealth ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ จีน เอเชียเหนือ และกลุ่มประเทศหลักของยุโรป และแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น ไทย อินเดีย และ ละตินอเมริกา

สำหรับภาพรวมของ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น คาดการณ์การเติบโตของกำไรในปี 57 อยู่ในระดับถึง 14% ประกอบกับค่า P/B ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นพัฒนาแล้วและแนวโน้มค่าเงินเยนที่จะอ่อนค่าลงจากการลด QE ของ Fed ทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมี Upside มากกว่า 20% ในปี 2557 จึงแนะนำให้ซื้อลงทุน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงแนะนำซื้อ และ Selective Buy สำหรับ ตลาดหุ้นยุโรป (กลุ่มประเทศหลัก) แนะนำให้ซื้อลงทุนเช่นกัน แม้ Valuation ของทั้ง 2 ตลาด ในปัจจุบันจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง โดยปัจจุบันค่า P/E 2014 ของ S&P500 อยู่ที่ 14.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 14.0 เท่า ส่วนค่า P/E 2014 ของ Euro STOXX 50 อยู่ที่ 12.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 10.6 เท่า โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นเหล่านี้ มีปัจจัยพื้นฐานแข่งแกร่งและมีความเสี่ยงจำกัดในการถูกปรับลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ยังคงมองว่าตลาดดังกล่าวมี Upside ตามแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรในปี 2557 ซึ่งอยู่ในระดับ 10-15%

ส่วนตลาดหุ้นจีน แนะนำซื้อลงทุน จากปัจจัยการส่งออกที่จะฟื้นตัวตามประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก (G3) การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน และ Valuation ที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งในช่วงตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI) มีการขยายตัวขึ้น 72% หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ย 14.5% ต่อปี ในขณะที่ดัชนี HSCEI ปรับตัวลดลงราว 20% ในช่วงเดียวกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมี Upside ที่ดี และการปฏิรูปเศรษฐกิจจะส่งผลให้จีนโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความน่าลงทุนมากขึ้นต่อนักลงทุนทั่วโลก

ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) แนะนำซื้อเช่นกัน เนื่องจากคาดการณ์ผลกำไรที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของการส่งออก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ G3 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และ Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ P/E ปี 2557 ที่ 11.4 เท่า

ด้านตลาดหุ้นไทย อินเดีย และละตินอเมริกา "แนะนำให้ลดน้ำหนักและหลีกเลี่ยงการลงทุน" เนื่องจากหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองยืดเยื้อ ที่น่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ปี 2557 และส่งผลให้คาดการณ์ผลกำไรของหุ้นไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดลงอีกในอนาคต บวกกับภาพรวมเศรษฐกิจต่างที่เริ่มมีการชะลอตัวมากขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอินเดีย และ ละตินอเมริกา Valuation ยังอยู่ในระดับที่แพง พร้อมทั้งยังคงถูกกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงและมุมมองทางเศรษฐกิจที่ยังไม่มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน

ปัจจัยที่น่าจับตามองต่อการลงทุน ประกอบด้วย 1.การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว (กลุ่มประเทศ G3) เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเศรษฐกิจหลักในกลุ่มประเทศยุโรป (European Core Countries) ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้น 2.การส่งออกของเอเชีย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และ จีน ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ที่เริ่มมีการชะลอตัวลง ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่จะเริ่มกลับมาขยายตัวขึ้นจากการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นและปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย

และ 3. ความคืบหน้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน ซึ่งในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ทางจีนได้แถลงนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจในแผนพัฒนา 10 ปีของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่จะส่งเสริมเสถียรภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ซึ่งหากมาตรการดังกล่าวมีความคืบหน้าในทางปฏิบัติก็จะช่วยเพิ่มแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจเอเชียที่มีความเกี่ยวข้องกับจีนเป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ