ทั้งนี้ การดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ปี 2557-2559 และโครงการสำคัญในปี 2557 จำนวน 5 ด้าน จะเน้นดำเนินการต่อเนื่องเพื่อมุ่งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน พร้อมสร้างความยั่งยืนให้แก่ตลาดทุนไทย มุ่งเสริมสร้างความรู้ทางการเงินและเครื่องมือการออมระยะยาวให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุน ส่งเสริมการพัฒนาวินัยของบริษัทจดทะเบียนและยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและเพิ่มการสนับสนุนให้ตัวกลางที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนมีบทบาทเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ลงทุนมากขึ้น และสร้างโอกาสจากการเติบโตของประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.จะเร่งพัฒนากฎเกณฑ์กลาง เพื่ออนุญาตให้ออกและเสนอขายตราสารต่างๆ ได้หลากหลายมากขึ้น เพราะเอกชนและภาคธุรกิจจะคิดค้นตราสารใหม่ๆ แต่หลักเกณฑ์ยังไม่รองรับ ซึ่งการกำหนดเกณฑ์ผู้ออกตราสารต้องมีมาตรฐาน และกระบวนการขออนุญาตให้ผู้ออกตราสารสามารถปฏิบัติได้ เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญและแข่งขันได้ เช่น ตราสารที่ต้องอ้างอิงกับตราสารอื่น ซึ่งเกณฑ์ต้องรองรับและเชื่อมโยงระหว่างตลาด
ในแง่การบังคับใช้กฎหมาย จะเพิ่มความเข้มงวดในกระบวนการตรวจสอบ การลงโทษให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบุคลากรธุรกิจหลักทรัพย์มีการกระทำที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่บันทึกเทปลูกค้า และบุคลากรบริษัทหลักทรัพย์ใช้บัญชีลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ การกระทำเหล่านี้มีทุกปี แต่การลงโทษจะเข้มข้นขึ้น เช่น เดิมพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตจาก 1 เดือน ก็อาจจะเป็น 1 ปี ซึ่งก.ล.ต.ได้แจ้งไปยังทางบริษัท(โบรกฯ) แล้วตั้งแต่ปลายปี 56 ว่า จะเริ่มดูการกระทำตั้งแต่ต้นปีนี้ ถ้าบุคลากรธุรกิจหลักทรัพย์ทำผิดก็จะดูไปถึงตัวบริษัทด้วย ดูผู้บริหารบล.ว่ามีระบบที่ควบคุมดูแลดีพอหรือยัง ถ้าไม่เพียงพอก็จะต้องดู และจะต้องมีการปรับปรุงบังคับใช้กฏหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วางระบบให้กระชับ การลงโทษก็จะดีขึ้น
"ถ้าบริษัทหละหลวมก็ต้องดำเนินการด้วย ปกติก.ล.ต.จะมีรอบเวลาตรวจสอบ และดูถ้าบล.ใดมีความเสี่ยงสูงก็ต้องเข้าไปดูถี่ขึ้น ซึ่งเกณฑ์เดิมก็ถือว่าเข้มข้นพอสมควร แต่ก็ยังพบอยู่เรื่อยๆ จึงต้องเพิ่มบทลงโทษให้ยาวนานขึ้น" นายวสันต์ กล่าว